ห้าวหาญ ! แอสตันมาร์ตินกล้าที่จะคาดการณ์ยอดขายรถ SUV ของค่ายอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 คันต่อปีในปี 2020

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน กลับมาพบกันเป็นประจำเช่นเคยกับข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงยานยนต์ สำหรับในครั้งนี้เราจะขอพาทุกท่านมาติดข่าวจากค่ายยานยนต์หรูอย่าง Aston Martin ที่ตอนนี้พวกเค้ากล้าที่จะคาดการณ์ยอดขายรถเอสยูวี DBX อยู่ที่ 5,000 คันต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเป้าที่สูงมากทีเดียว อะไรที่เป็นเหตุผลเบื้องหลังการคาดการณ์นี้ ลองมาดูกันเลย 

 

Aston Martin ตั้งความหวังไว้สูงลิบลิ่วว่า DBX รถเอสยูวีซูเปอร์พรีเมียมรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ 106 ปีของบริษัทจะต้องเป็นผู้นำยอดขายในอีกหลายปีข้างหน้า

DBX ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการที่ 2019 ลอสแองเจลิส ออโต้โชว์ในเดือนพฤศจิกายน มาพร้อมภารกิจในการที่จะรื้อฟื้นผลกำไรของแบรนด์ Aston Martin ซึ่งประสบภาวะขาดทุนสองไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ยอดขายรถสปอร์ตก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

แอนดี้ พาลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aston Martin เปิดเผยว่า เขามีความมั่นใจอย่างมากในรถเอสยูวีรุ่นนี้ที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่และปูทางสู่การจำหน่ายรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำรุ่นใหม่และการทำตลาดรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Lagonda

พาลเมอร์ ประเมินว่ายอดขาย DBX จะอยู่ที่ 4,000 – 5,000 คันต่อปี ซึ่งจะทำให้รถเอสยูวีรุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์ Aston Martin ซึ่งตั้งเป้าทำยอดขายรวมทุกรุ่นไว้ที่ 6,000 – 6,500 คันในปี 2020

ซีอีโอ Aston Martin เปิดเผยว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของ DBX จะมาจากจีนและสหรัฐอเมริกา อันเป็นไปตามกลยุทธ์การพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าทั้งสองประเทศเป็นหลักเนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกัน พาลเมอร์ยังต้องการดึงลูกค้าเดิมของ Range Rovers และ Porsche Cayenne ให้หันมาสนใจ DBX แทนอีกด้วย

ราคาจำหน่ายของ DBX เริ่มต้นที่ 189,900 เหรียญสหรัฐในอเมริกาหรือ 158,000 ปอนด์ในประเทศอังกฤษ กำหนดการส่งมอบให้ลูกค้าจะมีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ขณะที่ DBX เวอร์ชั่นไฮบริดจะตามออกมาในช่วงปลายปี

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This