ไนท์แฟรงค์ฯชี้คอนโดหัวหินคึกคัก

อสังหาฯหัวหินยังคง สดใส “ไนท์แฟรงค์”เผย แนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น การขาดแคลนที่ดินริมชายหาดในหัวหินทำให้ต้องย้ายลงทุนโครงการคอนโดไปยังทำเล ที่ไกลลงไปทางใต้แทบปราณบุรีหรือขึ้นไปทางเหนือย่านชะอำ พบไตรมาสแรกปีนี้เปิดขายอยู่ 38 โครงการรวมกว่า 4.7 พันยูนิต นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมริมทะเลหัวหินค่อนข้างหายาก สวนทางกับความต้องารของตลาดที่ยังมีต่อเนื่องที่ขณะนี้ชาวต่างชาติเริ่มสนใจ ตลาดหัวหิน ทั้งนี้สาเหตที่คอนโดหายากหรือมีจำกัด ส่วนหนึ่งเพราะที่ดินริมชายหาดค่อนข้างหายากราคาที่ดินมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีโครงการลงทุนเกิดขึ้นน้อย จากการขาดแคลนที่ดินริมชายหาดใน หัวหินทำให้โครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ต้องย้ายไปยังทำเลที่ไกลออกไปทางใต้เช่นปราณบุรีหรือขึ้นไปทางเหนือเช่นชะอำ เห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์หลายราย เช่น บริษัท ควอลิตี้เฮาส์ จำกัด(มหาชน) กลุ่มบริษัทชาญอิสสระ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด(มหาชน)ที่กำลังเข้ามาทำตลาดในหัวหินจะส่งผลกระทบถึงบริษัทอสังหาราย ย่อย หากมองถึงปริมาณสินค้าที่อยู่ในตลาดนั้น พบว่ามีปริมาณสะสมของคอนโดในหัวหิน ชำอำ เขาตะเกียบ เขาเต่า และพื้นที่ไม่ติดทะเล ซึ่งไม่รวมบริเวณ ปราณบุรี ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปี 2553 มีจำนวน 6,504 ยูนิต จากจำนวนหน่วยที่มีทั้งหมดนี้พบว่าในปี 2550 มีมากสุด 2,121 ยูนิต ขณะที่ปี 2551 และ 2553 มีจำนวน 1,506 และ 778 ยูนิต(ตามลำดับ)ในขณะที่บริเวณพื้นที่ไม่ติดทะเลซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของหัวหิน และมีการคมนาคมที่สะดวก อยู่ใกล้กับสถานที่ชอปปิ้งและร้านอาหาร มีจำนวนอุปทานเพิ่มขึ้นในปี 2550 และ 2551 ผุด 38โครงการกว่า4.7พันยูนิต สำหรับ ในช่วงไตรมาส1/2554 พบมีจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด 38 โครงการ จำนวน 4,751 ยูนิต ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณเขาตะเกียบจำนวน 1,449 ยูนิต ตามด้วยบริเวณที่ไม่ติดทะเลจำนวน 1,241 และที่ชะอำ 1,015 ยูนิต ส่วนรูปแบบที่ขายในตลาดจะเป็นประเภท 2 ห้องนอนและ 1 ห้องนอนประมาณ 41% และ 38% ตามลำดับ ในขณะที่รูปแบบยูนิตจำนวน 3 ห้องนอนและ 4 ห้องนอนอยู่ที่ 6 และ 1% ตามลำดับ จากจำนวนโครงการทั้งหมดมีโครงการคอนโด 10 โครงการจำนวนกว่า 1,500 ยูนิตที่จะเกิดขึ้นที่ชะอำและหัวหิน ซึ่ง 3 ใน 10 โครงการเป็นโครงการใหม่ส่วนที่เหลือเป็นการขยายต่อยอดจากโครงการที่มีอยู่ เดิม ส่วนโครงการที่มีแผนจะเปิดขายในอนาคตนั้นส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณด้านไม่ ติดทะเล