ข่าวดี รถยนต์ All-New Toyota Corolla Cross รถยนต์ครอสโอเวอร์ไซส์เล็กที่หลายคนรอคอยได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และพร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการแนะนำรถยนต์เปิดตัวใหม่ที่น่าสนใจ สำหรับในครั้งนี้เราก็มีข่าวดีจะมาแจ้งให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ทราบว่า ตอนนี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัว All-New Toyota Corolla Cross อย่างเป็นทางการแล้ว โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดพัฒนาบนแพลตฟอร์ม TNGA ต่อยอดจาก Corolla โฉมซีดาน มี 4 รุ่นย่อย เคาะราคา 9.89 แสนบาท – 1.199 ล้านบาท หากใครสนใจก็ตามมาดูรายละเอียดกันได้เล้ยย 

สรุปข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ All-New Toyota Corolla Cross ปี 2020 ได้ดังนี้ 

1.  รถยนต์ All-New Corolla Cross ครั้งแรกในโลกในเมืองไทยมาพร้อมแนวคิด “A New Journey ให้ชีวิตเดินทาง” ถือเป็นการเติมเต็มเซกเมนท์รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก เตรียมออกจำหน่ายเคียงข้างกับ Toyota C-HR พร้อมแข่งขันกับ Honda HR-V และ Mazda CX-30

  1. รูปลักษณ์ของ All-New Corolla Cross เน้นความหรูหราพรีเมียมและแฝงด้วยความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว มีความสง่างามสไตล์รถอเนกประสงค์เอสยูวีสำหรับพ่อบ้านคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ C-HR ที่เน้นดีไซน์หวือหวามากกว่า ขณะเดียวกัน ถึงแม้ All-New Corolla Cross และ C-HR จะมีระยะฐานล้อเท่ากันก็ตาม แต่ฝ่ายแรกมีขนาดตัวถังใหญ่กว่าในทุกมิติจนเกือบเทียบชั้นรถเอสยูวีคอมแพ็กต์ระดับซีเซกเมนท์เลยทีเดียว

  2. เทียบมิติตัวถังระหว่าง All-New Corolla Cross / Honda HR-V และ C-HR ดังนี้

  1. ฟังก์ชั่นภายนอกของ All-New Corolla Cross ถือว่าครบครันจัดเต็ม ได้แก่

– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED แบบไฮบริด พร้อมเดย์ไลท์ LED

– มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me home

– ไฟตัดหมอกหน้า LED

– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับเก็บอัตโนมัติพร้อมไฟเลี้ยว

– ไฟท้ายแบบ LED

– เสาอากาศครีบฉลาม

– ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED

– หลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า

– ราวหลังคาสีดำ

– ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

– ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ smart entry

  1. สีสันภายนอกมีให้เลือก 7 สีได้แก่ สีเงิน Metal Stream Metallic, สีแดง Red Mica Metallic, สีดำ Attitude Black Mica, สีเทา Celestite Gray Metallic, สีขาว Platinum White Pearl, สีน้ำตาล Graphite Metallic และสีน้ำเงิน Nebula Blue
  2. ภายในรุ่นเริ่มต้นตกแต่งด้วยสีดำ ส่วนรุ่นบนตกแต่งด้วยสีแดง Terra Rossa เบาะนั่งหุ้มหนัง และมีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ดังนี้

– เบาะคนขับเป็นแบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

– มีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว

– บนคอนโซลมีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ รวมถึงการเชื่อมต่อ Bluetooth และ USB

– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซนแยกซ้าย-ขวา

– ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ

– กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ

– ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์แบบ kick activated

– ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

  1. เบาะนั่งด้านหลังของ All-New Corolla Cross ปรับเอนได้ 1 จังหวะ 6 องศาและแยกพับแบบ 60:40 มีพนักวางแขนด้านหลัง พื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 487 ลิตร
  2. ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้ระบบเชื่อมต่อ T-Connect by Toyota ที่สามารถเช็คตำแหน่งรถได้ทุกที่ทุกเวลา ประสานงานฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม แจ้งเตือนเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากขอบเขตที่กำหนด แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าเช็คระยะที่ศูนย์บริการ และแสดงสถานะตัวรถแบบเรียลไทม์

  3. ขุมพลังขับเคลื่อนมีให้เลือก 2 รูปแบบ รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FBE ขนาด 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร 16 วาล์ว DOHC พละกำลัง 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 177 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT-I แบบ 7 สปีดพร้อมซีเควนเชียลชิฟท์และชิฟท์ล็อก มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 15.4 กม.ต่อลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 150 กรัมต่อกม. รองรับน้ำมัน E85

  4. ขณะที่รุ่นบนใช้ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 เครื่องยนต์ 2ZR-FXE เทคโนโลยี Atkinson Cycle ขนาด 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวและแบตเตอรี่ไฮบริดนิกเกิล-เมทัลไฮดรายด์ เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 53 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร รวมพละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ E-CVT พร้อมชิฟท์ล็อก รองรับน้ำมัน E20 มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 23.3 กม.ต่อลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 98 กรัมต่อกม.

  5. คุณสมบัติสำคัญของเทคโนโลยี Toyota Hybrid ก็คือการชาร์จไฟในตัวขณะขับขี่ สามารถแปลงพลังงานส่วนเกินเป็นพลังงานไฟฟ้าสะสม และมีระบบ Full Hybrid ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ส่วนโหมดการขับขี่มี 3 รูปแบบ คือ EV Mode ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Sport Mode เพิ่มสมรรถนะและตอบสนองได้ดีขึ้น และ Eco Mode ลดการใช้พลังงาน

  6. ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ดิสก์เบรก 4 ล้อ

  7. ระบบความปลอดภัยมีอัดแน่นเต็มคัน

– ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง

– ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ

– กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ

– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน

– สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน

– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี

– ระบบควบคุมการทรงตัว

– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก

– ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ

– ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจ Toyota Safety Sense

– ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System

– ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Lane Departture Alert with Steering Assist

– ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ พร้อมช่วยควบคุมให้รถอยู่กลางเลน Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist

– ระบบไฟสูงอัตโนมัติ

All-New Toyota Corolla Cross มีทั้งหมด 4 รุ่นให้เลือกสรร โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้

  1. All-New Corolla Cross รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท (ราคาแนะนำ 959,000 บาทถึง 30 กันยายน)

All-New Corolla Cross รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท

All-New Corolla Cross รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท

All-New Corolla Cross รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท

และนี่ก็คือความน่าสนใจของรถยนต์ All-New Toyota Corolla Cross ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ หากใครสนใจ ทางโตโยต้าพร้อมเปิดให้ลูกค้าได้ทดลองขับและสัมผัสที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม แและพบกับตัวจริงได้ที่งาน 2020 บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ ระหว่างวันที่ 15 – 26 กรกฎาคมนี้ 

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This