นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในรอบ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 2555) เพิ่มขึ้นเพียง 1% เป็น 51,892 หน่วยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่มี 51,356 หน่วย โดยที่อยู่อาศัยแนวราบเปิดใหม่ มีเพียง 16,142 หน่วย ลดลงกว่า 40% ขณะที่คอนโดมิเนียมเปิดโครงการใหม่ 35,750 หน่วย เพิ่มขึ้น 46% ทำให้ในปีนี้คอนโดเปิดใหม่จะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 70% ทำลายสถิติใหม่ของตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้ส่วนแบ่งการตลาดคอนโดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ยังไม่เคยเกิน 55-56% สำหรับคอนโดจดทะเบียนใหม่ในรอบ 6 เดือน ซึ่งมีอยู่ 32,174 หน่วย เพิ่มขึ้น 74% นั้น เป็นโครงการในกรุงเทพฯ เพียง 1% ส่วนทำเลที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร ตามลำดับ สาเหตุที่ทำให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 ทำให้ผู้ประกอบการไม่พร้อมพัฒนาโครงการแนวราบใหม่ๆ เพราะใช้เวลานานกว่า 6 เดือนในการเตรียมที่ดินเพื่อเปิดโครงการ ขณะที่คอนโดใช้พื้นที่การพัฒนาน้อย รวมถึงการตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ปิดการขายได้เร็วกว่า และปัจจุบันผู้บริโภคที่ยังกังวลต่อเหตุการณ์น้ำท่วมก็ให้ความเชื่อมั่นตลาดคอนโดมากกว่าแนวราบอีกด้วย นอกจากนี้ ประเมินว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงมาก เป็นปัจจัยที่ทำให้คอนโดปลายสถานีรถไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคที่มีงบจำกัดต้องไปซื้อที่อยู่อาศัยทำเลไกลจากในเมือง แต่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 5-6 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางไม่นาน นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 มีจำนวน 40,057 หน่วย เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสแรก โดยแบ่งเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดมากที่สุด 17,138 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 43% เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสแรก ทาวน์เฮ้าส์ 11,573 หน่วย สัดส่วน 29% เพิ่มขึ้น 28% บ้านเดี่ยว 6,916 หน่วย สัดส่วน 17% เพิ่มขึ้น 27% อาคารพาณิชย์ 3,391 หน่วย สัดส่วน 8% เพิ่มขึ้น 25% บ้านแฝด 1,039 หน่วย สัดส่วน 3% เพิ่มขึ้น 34%