 ถ้าคนไทย เรียกก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อว่า”มีแต่กลิ่น”  ฉะนั้นงานคอมมาร์ตครั้งล่าสุดในนาม”คอมมาร์ต  ซีมาร์ต”ที่ไม่ค่อยมีสินค้าซีอีมาโชว์มากนักก็น่าจะเรียกว่ามีแต่กลิ่นได้ เหมือนกัน  เรื่องนี้ต้องมองภาพย้อนไปตลอด 10 ปีที่ผ่านมา  คนกรุงเทพฯคุ้นเคยกับงานแฟร์ไอทีนาม”คอมมาร์ต”มานานเกือบทศวรรษ  ภาพไทยมุงซื้อสินค้าไฮเทคลดแลกแจกแถมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ศูนย์ประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ ความจำเจทำให้ “เออาร์ไอพี”  พยายามพลิกคอมมาร์ตครั้งล่าสุดให้เป็น”คอมมาร์ต  ซีมาร์ต”โดยมีเป้าหมายให้งานคอมมาร์ตเดินตามงานมหกรรมเทรดแฟร์สินค้า อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคระดับโลกอย่าง CES  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ใกล้เคียง  กลางปีที่แล้วคอมมาร์ตแปลงโฉมตัวเองจากการจำหน่ายสินค้าไอทีอย่างเดียว  มาเป็นงานแสดงและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชื่อ  Comsumer Electronics Mart 2010 หรือ CEMART มาปีนี้  คอมมาร์ตตัดสินใจ”เหยียบเรือสองแคม”โดยวางจุดยืนงานให้เป็นงานที่รวมสินค้า ไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน กลายเป็นชื่องานคอมมาร์ต ซีมาร์ต  ซึ่งผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ามองไปจะเห็นแต่สินค้าไอที  สินค้ากลุ่มซีอีหรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค (Comsumer  Electronic : CE) ถูกนำมาโชว์เพียงน้อยนิด  ทำให้ภาพรวมงานแทบไม่ต่างไปจากงานคอมมาร์ตดั้งเดิม  “ปฐม อินทโรดม” กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี  จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานคอมมาร์ตให้เหตุผลว่า  การรวมมิตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และไอทีถือเป็นการยกระดับจากงานซีมาร์ตครั้ง ที่ผ่านมา โดยมองว่า  ปัจจุบันสินค้าไอทีและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ประจำวันมนุษย์ ที่สามารถทำงานเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างไร้รอยต่อ  จึงตัดสินใจดึงสินค้าไอทีเข้ามาจัดแสดงด้วย  “ในครั้งนี้เราได้เพิ่มพื้นที่การจัดงาน 100% บนเนื้อที่ 15,000  ตารางเมตร สำหน่ายสินค้าไอที 70% และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 30%  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น”  ปฐมยอมรับว่างานซีมาร์ตครั้งที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกของเออาร์ไอพี ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีผู้เข้าร่วมงานน้อยกว่าที่ตั้งไว้  ซึ่งคาดว่าผู้บริโภคยังมองว่างานแสดงที่เออาร์ไอพีจัดนั้นต้องเป็นงานขาย คอมพิวเตอร์เท่านั้น  “ใจจริงเราอยากให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ นึกถึงชื่อซีมาร์ต, รอซื้อสินค้ากับซีมาร์ต แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย”  ตรงกับที่แหล่งข่าวในวงการผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายหนึ่งซึ่งมองว่า งาน ซีมาร์ตเมื่อปีที่แล้วซึ่งเออาร์ไอพีลงมาจับตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ครั้ง แรกนั้นยังไม่สามารถทาบรัศมี “พาวเวอร์บายเอ็กซ์โป ” ของเซ็นทรัลหรือ  “อิเล็กทรอนิกา” ในเครือเดอะมอลล์ได้ แหล่งข่าวจึงเชื่อว่าการตัดสิน ใจดึงสินค้าไอทีจากงานคอมมาร์ต  ซึ่งเป็นชื่อเสียงหลักของเออาร์ไอพีมาร่วมแสดง  เป็นการกระทำเพื่อหวังเรียกผู้บริโภคให้เข้ามาในงาน  และเปลี่ยนชื่อเป็นคอมมาร์ต ซีมาร์ต  แทนที่จะใช้ซีมาร์ตหากินเพียงอย่างเดียว  พูดไปจะหาว่าใส่ความ ผู้เข้าร่วมงาน สามารถสังเกตเห็นชัดเจนว่าห้องจัดงานใหญ่อย่างเพนนารีฮอลล์  ที่น่าจะถูกตกแต่งไปด้วยโทรทัศน์ โฮมเธียเตอร์  เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทคในครัวเรือนให้สมชื่อความเป็น”คอนซูเมอร์  อิเล็กทรอนิกส์” แต่กลับอัดแน่นไปด้วยเดสก์ท็อบ แล็ปท็อป เน็ตบุ๊ก  รวมถึงนานาผลิตภัณฑ์เสริมตามระเบียบคอมมาร์ต  ที่ก้ำกึ่งก็มีเพียงแท็บเล็ต  ซึ่งเป็นสินค้าที่จะเป็นคอมพิวเตอร์ก็ไม่เชิง  จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไม่ใช่ งานนี้แท็บเล็ตกระแสแรงอย่างไอแพด 2 (iPad  2) กลายเป็นดาวเด่นในงานที่ช่วยให้ฮอลล์หลักดูคึกคัก โดย”ไอสตูดิโอ บาย  เอสพีวี”ระบุว่านำไอแพด 2 มาวางจำหน่ายวันละ 100 เครื่อง ยังมี”โมโตโรล่า  ซูม” แท็บเล็ตแบรนด์โมโตโรลาที่ฮาร์ดแวร์เฮาส์นำมาจำหน่ายในราคา 21,900 บาท  (รุ่นที่เป็นไวไฟ ความจุ 32 กิกะไบต์)  พร้อมใช้โปรโมชันผ่อนของบัตรเครดิตได้ด้วย ที่โซน C  ซึ่งสามารถสร้างกระแสซีอีให้กับงานในระดับหนึ่ง  พื้นที่โซน C  เป็นจุดที่ผู้จัดงานระบุว่าเป็นพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาจากงานซีมาร์ตปีที่ แล้ว ณ วันนี้ถูกใช้เป็นที่ขายแอ็กเซสซอรี  สำหรับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูปจากตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ  ซึ่งดูแล้วไม่ต่างอะไรจากงานคอมมาร์ตในครั้งก่อน  มุมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซีอีนั้นกระจุกตัวที่ด้านข้างเพนนารีฮอลล์  ค่ายผู้ผลิตชั้นนำอย่างโซนี ซัมซุง และแอลจี นำแอลซีดีทีวี ทีวี 3 มิติ  อินเทอร์เน็ตทีวี เครื่องเล่นดีวีดี  และกล้องถ่ายภาพมาวางจำหน่ายพอหอมปากหอมคอ  รวมถึงโทรศัพท์บ้านที่มีขายเป็นหย่อมๆ  บริเวณด้านล่างของส่วนที่ขายอุปกรณ์เสริม นี่เองคือที่มาของคำว่า  “เงาเครื่องใช้ไฟฟ้า!”  เหลือแต่เงาเพราะใคร  ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คอมมาร์ต ซีมาร์ต 2011  ไม่ได้มีความต่างไปจากงานคอมมาร์ทที่จัดขึ้นหัวปีท้ายปีคือผู้ค้าหรือเวน เดอร์  โดยผู้ประกอบรายหนึ่งยอมรับว่าไม่สนใจนำสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตนมาเข้า ร่วมงาน แต่เลือกนำโน้ตบุ๊ก กล้องถ่ายรูปมาวางจำหน่ายแทน  ว่าเป็นเพราะผู้ร่วมงานมีจำนวนน้อย  โดยส่วนใหญ่หากจะซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  ผู้บริโภคมักจะรองานแฟร์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว  ไม่ต้องมาที่งานนี้  “สินค้าไอทีมันขายได้มากกว่า  ลูกค้าส่วนใหญ่มองว่ามาที่นี่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์มากกว่าจะเป็นเครื่องใช้ ไฟฟ้า ผู้จัดงานเขาโปรโมตน้อย มันคงยากที่จะแทนที่กันได้”  นายปฐมยอมรับว่า ผู้จัดงานไม่สามารถ บังคับได้ว่าเวนเดอร์ต้องเอาสินค้าอิเลกทรอนิกส์มาขายภายในงานเท่านั้น  เนื่องจากปัจจุบันสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และไอทีมันถูกรวมกันอย่างแยกไม่ออก  “เมื่อเราออกบูธให้เขา เขามีสิทธิจะเอาสินค้าอะไรในบริษัทมาขายก็ได้  ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสินค้าไอทีมันมาแรงกว่าจริงๆ  สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือการสร้างยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่เวน เดอร์ เพื่อให้เวนเดอร์เจ้าอื่นเห็นว่างานนี้มันขายได้จริงๆ  โดยในช่วงแรกอาจต้องมีการดึงสินค้าไอทีมาช่วยเรียกความสนใจกับผู้เข้าร่วม งานก่อน จากนั้นค่อยๆ เอาสินค้าไอทีออกไป  และเพิ่มจำนวนสินค้าอิเลกทรอนิกส์แทน เมื่อมีลูกค้ามาเดินมากขึ้น  เวนเดอร์จะมองเห็นช่องทางการตลาด และให้ความสนใจมาร่วมงานมากขึ้น  เมื่อการโปรโมตจากเวนเดอร์จะเยอะขึ้น ลูกค้าที่เข้าก็จะเยอะขึ้นด้วย”  ปฐมมองว่า อาจต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เพื่อให้ซีมาร์ตกลายเป็นงานขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของแท้ตามที่บริษัทหวังไว้  ซีมาร์ตจะถูกคอมมาร์ตกลืน?  เมื่อถามปฐมว่าจะยอมปล่อยให้ซีมาร์ตถูกกลืนด้วยคอมมาร์ตหรือไม่  ปฐมกล่าวว่าคอมมาร์ตยังคงเป็นคอมมาร์ตอยู่ แต่ซีมาร์ตต้องดีขึ้นกว่าเดิม  “สำหรับงานในครั้งต่อไป  เราจะทำงานโปรโมตงานซีมาร์ตให้ลูกค้ามองเห็นถึงความเป็นอิเล็กทรอนิกส์มาก ขึ้น โดยวางแผนจะทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในเครือเออาร์ไอพีมากขึ้น  อีกทั้งได้มีการเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ในเครือ  ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มคอมซู เมอร์จริงๆ”  ถึงวันนั้นคนไทยก็จะมีความรู้มากขึ้นอีกโข
  ถ้าคนไทย เรียกก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ไม่ค่อยจะมีเนื้อว่า”มีแต่กลิ่น”  ฉะนั้นงานคอมมาร์ตครั้งล่าสุดในนาม”คอมมาร์ต  ซีมาร์ต”ที่ไม่ค่อยมีสินค้าซีอีมาโชว์มากนักก็น่าจะเรียกว่ามีแต่กลิ่นได้ เหมือนกัน  เรื่องนี้ต้องมองภาพย้อนไปตลอด 10 ปีที่ผ่านมา  คนกรุงเทพฯคุ้นเคยกับงานแฟร์ไอทีนาม”คอมมาร์ต”มานานเกือบทศวรรษ  ภาพไทยมุงซื้อสินค้าไฮเทคลดแลกแจกแถมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ศูนย์ประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ ความจำเจทำให้ “เออาร์ไอพี”  พยายามพลิกคอมมาร์ตครั้งล่าสุดให้เป็น”คอมมาร์ต  ซีมาร์ต”โดยมีเป้าหมายให้งานคอมมาร์ตเดินตามงานมหกรรมเทรดแฟร์สินค้า อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคระดับโลกอย่าง CES  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่ใกล้เคียง  กลางปีที่แล้วคอมมาร์ตแปลงโฉมตัวเองจากการจำหน่ายสินค้าไอทีอย่างเดียว  มาเป็นงานแสดงและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชื่อ  Comsumer Electronics Mart 2010 หรือ CEMART มาปีนี้  คอมมาร์ตตัดสินใจ”เหยียบเรือสองแคม”โดยวางจุดยืนงานให้เป็นงานที่รวมสินค้า ไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน กลายเป็นชื่องานคอมมาร์ต ซีมาร์ต  ซึ่งผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ามองไปจะเห็นแต่สินค้าไอที  สินค้ากลุ่มซีอีหรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค (Comsumer  Electronic : CE) ถูกนำมาโชว์เพียงน้อยนิด  ทำให้ภาพรวมงานแทบไม่ต่างไปจากงานคอมมาร์ตดั้งเดิม  “ปฐม อินทโรดม” กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี  จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานคอมมาร์ตให้เหตุผลว่า  การรวมมิตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และไอทีถือเป็นการยกระดับจากงานซีมาร์ตครั้ง ที่ผ่านมา โดยมองว่า  ปัจจุบันสินค้าไอทีและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ประจำวันมนุษย์ ที่สามารถทำงานเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างไร้รอยต่อ  จึงตัดสินใจดึงสินค้าไอทีเข้ามาจัดแสดงด้วย  “ในครั้งนี้เราได้เพิ่มพื้นที่การจัดงาน 100% บนเนื้อที่ 15,000  ตารางเมตร สำหน่ายสินค้าไอที 70% และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 30%  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเพียงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น”  ปฐมยอมรับว่างานซีมาร์ตครั้งที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกของเออาร์ไอพี ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีผู้เข้าร่วมงานน้อยกว่าที่ตั้งไว้  ซึ่งคาดว่าผู้บริโภคยังมองว่างานแสดงที่เออาร์ไอพีจัดนั้นต้องเป็นงานขาย คอมพิวเตอร์เท่านั้น  “ใจจริงเราอยากให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ นึกถึงชื่อซีมาร์ต, รอซื้อสินค้ากับซีมาร์ต แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย”  ตรงกับที่แหล่งข่าวในวงการผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายหนึ่งซึ่งมองว่า งาน ซีมาร์ตเมื่อปีที่แล้วซึ่งเออาร์ไอพีลงมาจับตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ครั้ง แรกนั้นยังไม่สามารถทาบรัศมี “พาวเวอร์บายเอ็กซ์โป ” ของเซ็นทรัลหรือ  “อิเล็กทรอนิกา” ในเครือเดอะมอลล์ได้ แหล่งข่าวจึงเชื่อว่าการตัดสิน ใจดึงสินค้าไอทีจากงานคอมมาร์ต  ซึ่งเป็นชื่อเสียงหลักของเออาร์ไอพีมาร่วมแสดง  เป็นการกระทำเพื่อหวังเรียกผู้บริโภคให้เข้ามาในงาน  และเปลี่ยนชื่อเป็นคอมมาร์ต ซีมาร์ต  แทนที่จะใช้ซีมาร์ตหากินเพียงอย่างเดียว  พูดไปจะหาว่าใส่ความ ผู้เข้าร่วมงาน สามารถสังเกตเห็นชัดเจนว่าห้องจัดงานใหญ่อย่างเพนนารีฮอลล์  ที่น่าจะถูกตกแต่งไปด้วยโทรทัศน์ โฮมเธียเตอร์  เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเทคในครัวเรือนให้สมชื่อความเป็น”คอนซูเมอร์  อิเล็กทรอนิกส์” แต่กลับอัดแน่นไปด้วยเดสก์ท็อบ แล็ปท็อป เน็ตบุ๊ก  รวมถึงนานาผลิตภัณฑ์เสริมตามระเบียบคอมมาร์ต  ที่ก้ำกึ่งก็มีเพียงแท็บเล็ต  ซึ่งเป็นสินค้าที่จะเป็นคอมพิวเตอร์ก็ไม่เชิง  จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ไม่ใช่ งานนี้แท็บเล็ตกระแสแรงอย่างไอแพด 2 (iPad  2) กลายเป็นดาวเด่นในงานที่ช่วยให้ฮอลล์หลักดูคึกคัก โดย”ไอสตูดิโอ บาย  เอสพีวี”ระบุว่านำไอแพด 2 มาวางจำหน่ายวันละ 100 เครื่อง ยังมี”โมโตโรล่า  ซูม” แท็บเล็ตแบรนด์โมโตโรลาที่ฮาร์ดแวร์เฮาส์นำมาจำหน่ายในราคา 21,900 บาท  (รุ่นที่เป็นไวไฟ ความจุ 32 กิกะไบต์)  พร้อมใช้โปรโมชันผ่อนของบัตรเครดิตได้ด้วย ที่โซน C  ซึ่งสามารถสร้างกระแสซีอีให้กับงานในระดับหนึ่ง  พื้นที่โซน C  เป็นจุดที่ผู้จัดงานระบุว่าเป็นพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาจากงานซีมาร์ตปีที่ แล้ว ณ วันนี้ถูกใช้เป็นที่ขายแอ็กเซสซอรี  สำหรับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูปจากตัวแทนจำหน่ายชั้นนำ  ซึ่งดูแล้วไม่ต่างอะไรจากงานคอมมาร์ตในครั้งก่อน  มุมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซีอีนั้นกระจุกตัวที่ด้านข้างเพนนารีฮอลล์  ค่ายผู้ผลิตชั้นนำอย่างโซนี ซัมซุง และแอลจี นำแอลซีดีทีวี ทีวี 3 มิติ  อินเทอร์เน็ตทีวี เครื่องเล่นดีวีดี  และกล้องถ่ายภาพมาวางจำหน่ายพอหอมปากหอมคอ  รวมถึงโทรศัพท์บ้านที่มีขายเป็นหย่อมๆ  บริเวณด้านล่างของส่วนที่ขายอุปกรณ์เสริม นี่เองคือที่มาของคำว่า  “เงาเครื่องใช้ไฟฟ้า!”  เหลือแต่เงาเพราะใคร  ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้คอมมาร์ต ซีมาร์ต 2011  ไม่ได้มีความต่างไปจากงานคอมมาร์ทที่จัดขึ้นหัวปีท้ายปีคือผู้ค้าหรือเวน เดอร์  โดยผู้ประกอบรายหนึ่งยอมรับว่าไม่สนใจนำสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตนมาเข้า ร่วมงาน แต่เลือกนำโน้ตบุ๊ก กล้องถ่ายรูปมาวางจำหน่ายแทน  ว่าเป็นเพราะผู้ร่วมงานมีจำนวนน้อย  โดยส่วนใหญ่หากจะซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  ผู้บริโภคมักจะรองานแฟร์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว  ไม่ต้องมาที่งานนี้  “สินค้าไอทีมันขายได้มากกว่า  ลูกค้าส่วนใหญ่มองว่ามาที่นี่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์มากกว่าจะเป็นเครื่องใช้ ไฟฟ้า ผู้จัดงานเขาโปรโมตน้อย มันคงยากที่จะแทนที่กันได้”  นายปฐมยอมรับว่า ผู้จัดงานไม่สามารถ บังคับได้ว่าเวนเดอร์ต้องเอาสินค้าอิเลกทรอนิกส์มาขายภายในงานเท่านั้น  เนื่องจากปัจจุบันสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และไอทีมันถูกรวมกันอย่างแยกไม่ออก  “เมื่อเราออกบูธให้เขา เขามีสิทธิจะเอาสินค้าอะไรในบริษัทมาขายก็ได้  ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าสินค้าไอทีมันมาแรงกว่าจริงๆ  สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือการสร้างยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่เวน เดอร์ เพื่อให้เวนเดอร์เจ้าอื่นเห็นว่างานนี้มันขายได้จริงๆ  โดยในช่วงแรกอาจต้องมีการดึงสินค้าไอทีมาช่วยเรียกความสนใจกับผู้เข้าร่วม งานก่อน จากนั้นค่อยๆ เอาสินค้าไอทีออกไป  และเพิ่มจำนวนสินค้าอิเลกทรอนิกส์แทน เมื่อมีลูกค้ามาเดินมากขึ้น  เวนเดอร์จะมองเห็นช่องทางการตลาด และให้ความสนใจมาร่วมงานมากขึ้น  เมื่อการโปรโมตจากเวนเดอร์จะเยอะขึ้น ลูกค้าที่เข้าก็จะเยอะขึ้นด้วย”  ปฐมมองว่า อาจต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี เพื่อให้ซีมาร์ตกลายเป็นงานขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของแท้ตามที่บริษัทหวังไว้  ซีมาร์ตจะถูกคอมมาร์ตกลืน?  เมื่อถามปฐมว่าจะยอมปล่อยให้ซีมาร์ตถูกกลืนด้วยคอมมาร์ตหรือไม่  ปฐมกล่าวว่าคอมมาร์ตยังคงเป็นคอมมาร์ตอยู่ แต่ซีมาร์ตต้องดีขึ้นกว่าเดิม  “สำหรับงานในครั้งต่อไป  เราจะทำงานโปรโมตงานซีมาร์ตให้ลูกค้ามองเห็นถึงความเป็นอิเล็กทรอนิกส์มาก ขึ้น โดยวางแผนจะทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในเครือเออาร์ไอพีมากขึ้น  อีกทั้งได้มีการเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ในเครือ  ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มคอมซู เมอร์จริงๆ”  ถึงวันนั้นคนไทยก็จะมีความรู้มากขึ้นอีกโข  




