หากเปรียบการแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตวันนี้เป็นสังเวียนมวย คู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อ คงจะมีเพียง 2 กลุ่มที่ดูมีฝีไม้ลายมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แน่นอน ไอแพด คือตัวยืนในมุมแดง ที่มีแอปเปิลเป็นเทรนเนอร์ ส่วนคู่ชกมุมน้ำเงินอีกฟากดูเหมือนจะเป็นการรวมตัวเฉพาะกิจ ระหว่างแบรนด์ดังค่ายไอทีกับแบรนด์ดังค่ายมือถือ ที่จับมือแบบหลวมๆ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ โค่นบังลังก์แชมป์ของไอแพดลงมาให้ได้ จากความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของค่ายไอที รวมถึงค่ายมือถือที่ต่างส่งสัญญาณแรงๆ ออกมาว่า จะก้าวขึ้นสังเวียนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้แน่นอน จะเห็นได้จากการงัดไม้เด็ดออกมาเรียกคะแนนจากผู้บริโภคกันมากขึ้นในช่วงหลาย เดือนที่ผ่านมา หลังจากปล่อยให้ไอแพด ชิงความโดดเด่นไปในช่วงครึ่งปีแรก ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทวิจัยตลาด การ์ทเนอร์ ประเมินยอดจำหน่ายแท็บเล็ตรวมทั่วโลกในปีที่ผ่านมาว่า อยู่ที่ราว 17.6 ล้านเครื่อง แน่นอน ไอแพด สามารถครองส่วนแบ่งได้ถึง 84% แต่แนวโน้มส่วนแบ่งตลาดของไอแพดในปีนี้จะลดลงเหลือราว 69% จากยอดรวมแท็บเล็ตที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 70 ล้านเครื่อง รวมถึงยังมีการวิเคราะห์กันว่าผู้บริโภคในตลาดภูมิภาคเอเซียเป็น กลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด และคาดว่าภายในปี 2558 ตลาดเอเซียจะครองส่วนแบ่งยอดขายแท็บเล็ตราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 50 ล้านเครื่อง จากยอดจำหน่ายรวมทั่วโลกที่เชื่อว่าจะเกิน 150 ล้านเครื่องในปี 2558 เห็นได้จากไลน์สินค้าในตระกูลแท็บเล็ตของค่ายไอที ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมาสร้างความคึกคักให้แก่ผู้บริโภค หลังจากร้องเพลงรอแท็บเล็ตทางเลือกในตลาดมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ไอแพด 2 เปิดตัวออกสู่ตลาดและเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้น เดือนมีนาคม เริ่มกันจากฝั่งแบรนด์เอเซีย หลังจากทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่แต่ยังไม่มีของขายในตลาดช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาในประเทศไทย ก็ถึงเวลาจัดส่งสินค้าที่เปิดการจองเอาไว้ถึงมือผู้ใช้เสียที ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากแดนโสมอย่างเกาหลีใต้ ที่มี ‘ซัมซุง’ เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เปิดให้จองซัมซุง กาแลกซี แท็บ 10.1 กับเอไอเอส และให้ข้อมูลว่าจะส่งมอบสินค้าภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอนในจำนวนหลักพัน เครื่อง แถมยังจูงใจด้วยของแถมที่โดนใจให้คนไทยยอมยืนต่อแถวยาวเหยียดเหมือนตอนที่ไอ แพด 2 สร้างปรากฎการณ์มาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณออกมาว่า จะมีวางขายปกติเมื่อไร นอกจาก กาแลกซี แท็บ 10.1 แล้วซัมซุงยังมีแผนทำตลาดกาแลกซี แท็บ 8.9 กับ ทรูมูฟ คาดว่า สินค้าจะทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 นี้เช่นเดียวกัน จุดขายหลักๆ ของกาแลกซี แท็บรุ่นใหม่ คือ ความบางของตัวเครื่องที่ออกแบบมาให้กลายเป็นแท็บเล็ตที่บางที่สุดในโลก แต่เรื่องประสิทธิภาพว่าจะดีเพียงใดนั้น ทางซัมซุงยกให้ ‘บล็อกเกอร์’ กลุ่มหนึ่งในประเทศไทยที่สถาปนาตัวเองเป็น ‘เทพ’ ว่าจะเลือกเชียร์แท็บเล็ตค่ายใดเป็นพิเศษเป็นผู้ตัดสิน
ด้านแบรนด์ร่วมชาติเกาหลี ‘แอลจี’ ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมลุยตลาดแท็บเล็ตด้วย ‘ออปติมัส แพด’ ที่เคาะราคาขายแล้วที่ 24,900 บาท ชูจุดเด่นที่เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่สามารถบันทึกภาพ-วิดีโอแบบ 3มิติ และตัวเครื่องยังรองรับการแสดงผลแบบ 3มิติ โดยใช้แว่นตา 3มิติทั่วไปได้ทันที ข้ามฟากมายังแบรนด์จากประเทศไต้หวัน ‘เอเซอร์’ เบอร์หนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์เมืองไทย เริ่มทำตลาดแท็บเล็ต 2 ระบบปฏิบัติการอย่าง A500 ที่เป็นแอนดรอยด์ และ W500 ที่ ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เริ่มเข้ามาสร้างสีสันในตลาดในช่วงไตรมาส 2 และถือเป็นแท็บเล็ตขนาด 10 นิ้วที่มาพร้อมกับพอร์ตยูเอสบีรุ่นเดียวในขณะนี้ ที่มีเครื่องให้ซื้อไปใช้งาน ซึ่งบล็อกเกอร์ต่างออกปากชมว่า ดีมาแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมชาติอย่าง ‘เอซุส’ ซึ่งขึ้นชื่อว่าล้ำเรื่องเทคโนโลยี ก็ยังไม่พร้อมวางขาย ‘อีแพดทรานฟอร์เมอร์’ เหมือนแบรนด์อื่น แต่ทำเป็นเท่ห์คงกลัวเสียลูกค้าก็เลยบอกว่าขอแท็บเล็ตล็อตพิเศษจำนวน100 เครื่องในลักษณะเปิดให้จอง แต่ไม่ได้บอกว่าของจะเข้ามาเมื่อไร แต่เชื่อว่าน่าจะเข้ามาขายไตรมาส3 เหมือนแบรนด์อื่นๆ ผิดกับแบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนอย่าง เอชทีซี ที่เลือกสร้างจุดต่างในกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตยุคใหม่ชูความโดดเด่นในการใช้ งานระบบสัมผัสทั้งจากนิ้วมือ และปากกา เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการใช้งานรูปแบบใหม่ โดย Flyer ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลความเร็ว 1.5 GHz เนื่องจากแบรนด์อื่นๆหันไปทำตลาดแท็บเล็ตด้วยหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ 1GHz กันแทน สิ่งที่เอชทีซี พยายามนำเสนอสู่ตลาดคือระบบ Scribe ที่ผู้ใช้แท็บเล็ตไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อคีย์บอร์ด หรือใช้นิ้วพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดเสมือน เพื่อจดบันทึกอีกต่อไป ด้วยการนำปากกาสไตลัสรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอ เฉพาะของ Flyer ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ปากกาจดข้อความ ทำเครื่องหมายลงไปยังหน้าเว็บไซต์ ไฟล์เอกสาร รูปภาพต่างๆ พร้อมแชร์ผ่านอีเมล โซเชียลเน็ตเวิร์ก และระบบคลาวด์คอมพิวติง ฟากฝั่งแผ่นดินมังกร นอกจากขุนศึกที่ออกโชว์ตัวตามงานใหญ่แบรนด์ ‘เลอโนโว’ ที่มีการโชว์ต้นแบบแท็บเล็ตที่สามารถเชื่อมต่อกับเน็ตบุ๊กได้ และทยอยออกข่าวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง แต่ความเห็นล่าสุดของผู้บริหารของเลอโนโวประเทศไทยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใน กลุ่มแท็บเล็ตนั้น คือต้องการรอดูความต้องการของตลาดอีกสักพัก เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นกระแสความนิยมเช่นเดียวกับเน็ตบุ๊ก ที่สร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภคว่าเป็นโน้ตบุ๊กราคาถูก แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้งานไม่สามารถเทียบเท่ากันได้ “ไตรมาส 3 จะเห็นแท็บแล็ตของเลอโนโววางขายทั้งในตลาดคอนซูเมอร์และตลาดคอมเมอร์เชียล” ผู้บริหารเลอโนโวยืนยันกับทีมงานของASTV ผู้จัดการรายวัน ด้าน 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ทางด้านอุปกรณ์เครือข่ายอย่าง ‘หัวเว่ย’ และ ‘แซดทีอี’ ก็ โดดลงสังเวียนแท็บแล็ตเช่นกัน แต่ดูท่าแล้วหัวเว่ย น่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยง่ายกว่าจากเดิมที่มีสมาร์ทโฟนบางรุ่นวาง จำหน่ายในตลาดอยู่แล้ว ‘มีเดียแพด’ คือซับแบรนด์ในตลาดแท็บแล็ตของ หัวเว่ย ถูกการันตีว่าเป็นแท็บเล็ตที่ใช้แอนดรอยด์ 3.2 ตัวแรกของโลก บนขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว หน่วยประมลผลดูอัลคอร์ 1.2 GHz ที่ช่วยให้สามารถเล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p ได้ และมีความบางเพียง 10.55 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 390 กรัม ขณะที่สามแบรนด์ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ‘เอชพี’ ที่ได้เวลาเข็น ‘ทัชแพด’ ออก มาวางจำหน่ายในอเมริกาแล้ว แต่ในประเทยไทยยังไม่มีแผนตอนนี้ โดยทัชแพดมาบนความต่างของระบบปฏิบัติการที่ใช้ ‘เว็บโอเอส 3.0’ ที่เอชพีไปซื้อมาจากปาล์ม และนำมาพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นระบบปฏิบัติการบนแท็บเล็ต ที่ล่าสุดมียอดแอปพลิเคชันในระบบราว 300 แอปฯ เท่านั้น ทำให้ยังคงต้องรอดูถึงความชัดเจนในการทำตลาดของเอชพี ทัชแพด ในประเทศไทยว่าจะเป็นเช่นใด เดลล์เองก็มีการเปิดตัว Streak ขนาด 7 นิ้ว แท็บเล็ตขนาดกระทัดรัดที่รองรับการใช้งาน 4G ที่เริ่มทำตลาดในสหรัฐฯมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทางเดลล์ไทยยังคงไม่มีความคืบหน้าในการจัดการระบบบริการหลังการขาย ทำให้ยังต้องชลอการนำเข้าอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ๆเข้ามาในตลาด เพราะจากการทำตลาดของ Streak 5 ในช่วงที่ผ่านมาก็มีกระแสตอบรับค่อนข้างลบในแง่ของบริการหลังการขายที่ไม่ โดนใจ ส่วนแบล็กเบอรี ที่ล่าสุดมีการเปิดให้จอง Playbook ภาย ในงานบางกอกโมบายโชว์ เริ่มต้นที่ราคา 16,900 บาท นั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญในตลาดของไอแพด จากความสามารถในการใช้งานมัลติทาสกิง(ทำงานหลายๆแอปฯพร้อมกัน) ที่โดดเด่นที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ยังตามมาด้วยปัญหาในการใช้งานมากมายสำหรับผู้ที่ไม่มีแบล็กเบอ รี เพราะจะไม่สามารถใช้งานจุดเด่นของบีบี อย่างพุชเมล และแชตได้ถ้าไม่ทำการเชื่อมต่อกับตัวสมาร์ทโฟน รวมถึงจำนวนแอปฯบนระบบปฏิบัติการ QNX นั้นยังมีจำนวนน้อยอยู่ด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อว่าภายในช่วงครึ่งปีหลัง ประเทศไทยน่าจะมีแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดจากกว่า 10 แบรนด์ ไม่นับรุ่นย่อยๆ ของแต่ละแบรนด์ที่จะทยอยออกมาเจาะกลุ่มแต่ละเซกเมนต์ ทำให้การแข่งขันในสังเวียนแท็บเล็ตดุเดือดมากกว่าเดิม ไม่ใช่ผูกขาดเฉพาะไอแพด 2 ที่มีเสียงบ่นเกรียวเรื่องของขาด แอปเปิลคงนิ่งนอนใจไม่ได้อีกแล้ว และคงได้เวลาออกวิ่งอีกครั้งหลัง ‘นอนมา’ เกือบครึ่งปี @manager