บรรดาบริษัทให้บริการด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาวของปีนี้ และเทศกาลตรุษจีนในปีหน้า ชาวจีนจำนวนมาก จะไปท่องเที่ยวในเกาหลีใต้แทนญี่ปุ่น ที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนมานาน สาเหตุหลักมาจากกรณีพิพาทอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก ส่งผลให้มีการยกเลิกรายการจองทัวร์ไปญี่ปุ่น ขณะที่ ตามหน้าหนังสือพิมพ์และโบรชัวร์ในจีนแทบไม่มีโฆษณาแพ็กเกจทัวร์ไปญี่ปุ่นปรากฏให้เห็น วิเวียน โจว รองผู้จัดการใหญ่ภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิกของบริษัทไชน่า สปริง ทัวร์ เอเยนซีด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ เผยว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะไปชมสถาปัตยกรรมในยุโรป และต้องการไปจับจ่ายซื้อสินค้า ส่วนรายการท่องเที่ยวในสหรัฐ ลูกค้าต้องการไปเยี่ยมชม มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ในจำนวนนี้ หลายคนต้องการไปออสเตรเลีย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงหน้าร้อน ขณะที่จีน กำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น นอกจากนี้ เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น เป็นอีกปัจจัย ที่เอื้อให้คนจีนไปเที่ยวยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย กันมากขึ้น เพราะใช้ต้นทุนถูกลง ในการเดินทางไกล บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวหลายราย ให้ความเห็นว่า ญี่ปุ่น เคยมีสัดส่วน 20% ในธุรกิจนำเที่ยวของบริษัท ลูกค้านิยมลงเรือสำราญจากนครเซี่ยงไฮ้ไปญี่ปุ่น เพราะมีระยะทางใกล้ แต่บริษัทเหล่านี้ ต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรม หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างจีน-และญี่ปุ่น ตกต่ำลง เอเยนซี่หลายราย ยังมีแผนจะส่งเสริมรายการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีหน้าด้วย อย่าง เลโกแลนด์ และเฮลโล คิตตี้ แลนด์ ทาวน์ ในมาเลเซีย และสวนน้ำ รีสอร์ต เวิลด์ เซนโตซา ในสิงคโปร์ ในปีนี้ คาดว่า ชาวจีน จะออกเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศราว 78.4 ล้านคน และคาดว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ออกไปยังต่างแดน จะยังคงสูงต่อเนื่องในปีหน้า ล่าสุด สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า จำนวนชาวญี่ปุ่น ที่รู้สึกเป็นมิตรกับจีนร่วงลงแตะ 18.0% ในผลการสำรวจล่าสุด เป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดทำผลสำรวจเป็นครั้งแรกในปี 2521 และลดลง 8.3 จุด จากผลสำรวจเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ชาวญี่ปุ่น ที่รู้สึกเป็นมิตรกับเกาหลี ก็มีจำนวนร่วงลงเช่นกัน โดยดิ่งลงอย่างหนักถึง 23.0 จุด เหลือ 39.2% ผลสำรวจชิ้นนี้ สะท้อนถึงความรู้สึกของชาวญี่ปุ่น ที่มีต่อสองประเทศเพื่อนบ้าน สืบเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับรัฐบาลจีนและเกาหลีใต้ [code]ที่มา : bangkokbiznews : http://bit.ly/10DqB6a รูปภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1655133 [/code]