ฮวงจุ้ยการจัดที่นั่งบริวาร (พนักงาน)

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

การวางโต๊ะทำงานของพนักงาน หรือบริวารตามคำเรียกในภาษาฮวงจุ้ย มีส่วนส่งเสริมทิศทางขององค์ได้มากทีเดียว ใครอยากรู้ต้องคลิกเลย การวางโต๊ะทำงานของพนักงาน หรือบริวารตามคำเรียกในภาษาฮวงจุ้ย มีส่วนส่งเสริมทิศทางขององค์ได้มากทีเดียว เพราะฉะนั้น ใครที่มีปัญหาในเรื่องการบริหารลูกน้อง ลูกน้องทำงานช้า ทำงานไม่ได้ดั่งใจ สั่งอีกอย่างไปทำอีกย่าง มีการทะเลาะเบาะแว้งกันในที่ทำงาน ควรจะอ่านเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเอาไปสังเกตและหาทางปรับปรุงเอาไปใช้ในองค์การ 1. การนั่งหันหน้าไปทางเดียวกันหมดโดยหัวหน้านั่งอยู่ท้ายห้อง ซินแสฮวงจุ้ยชอบ แนะนำให้จัดที่นั่งลักษณะนี้ เพราะเชื่อกันว่าลูกน้องจะเกรงใจเจ้านายซึ่งนั่งอยู่ข้างหลัง เปรียบเสมือนมีคนคอยจับผิดตลอดเวลา ทำให้ลูกน้องมีความตั้งใจทำงาน ที่ออฟฟิศธนาคารกรุงเทพสาขาใหญ่สีลม จะจัดแปลนคล้ายแบบนี้ โดยให้ผู้บริหารนั่งริมหน้าต่าง ส่วนลูกน้องที่รองลงมาจะอยู่กลางห้อง ผมเคยแอบกระซิบถามผู้บริหารท่านหนึ่ง ว่านั่งทำงานแบบนี้ดีไหม เขาตอบว่าดี ลูกน้องจะกลัวเหมือนมีตาที่มองไม่เห็นคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านหลัง 2. การนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นแถวยาวแบบโต๊ะประชุม ทำให้องค์กรหรือออฟฟิศ มีมุมมองงานเรื่องงานในทิศทางเดียวกัน เหมาะสำหรับองค์กรที่ไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มาก เน้นการทำงานที่ก้าวไปพร้อมๆ กัน 3. การจัดโต๊ะนั่งแบบเป็นกลุ่ม ส่วนมากจะเป็นกลุ่มโต๊ะไม่เกิน 4 ตัว แบ่งกันเป็นโซนแล้วกั้นคอก การจัดที่ทำงานลักษณะนี้ทำให้พนักงานทำงานเป็นทีม มุ่งเป้าหมายไปแข่งกับทีมอื่นที่อยู่ในออฟฟิศเดียวกัน ผมเคยไปให้คำปรึกษากับบริษัทวางแผนซื้อขายสื่อ เขาก็มีการจัดที่ให้นั่งลักษณะนี้ แต่แบ่งเป็นกลุ่มๆ ละ 3 โต๊ะหันหน้าเข้าหากัน วิธีการบริการของบริษัทนี้ คือ ให้แต่ละกลุ่ม ไม่เกิน 6 คนหาลูกค้าแข่งกัน กลุ่มไหนทำงานทะลุเป้าจะถูกโปรโมท 4. จัดโต๊ะแบบนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง เหมาะสำหรับงานที่ใช้ความอดทนสูง ใช้ความคิดสร้างสรรค์ไม่มาก การจัดโต๊ะลักษณะนี้เหมาะกับออฟฟิศที่มีขนาดเล็ก หรือ โฮมออฟฟิศ ผมเคยไปให้คำปรึกษาบริษัทโฆษณา ซึ่งโต๊ะห้องครีเอทีฟ และ โปรดิวเซอร์จะนั่งหันหน้าเข้ากำแพง เขาทำเป็นบิวอินไม่สามารถขยับขยายใดๆ ได้ สิ่งที่ได้รับคือ ออฟฟิศนี้ทุกคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยมีการแชร์ความคิดหรือแลกเปลี่ยนกัน เข้าทำนองอาร์ตตัวแม่กันทุกคน ผมจึงสั่งให้แก้ไขโดยการหาโต๊ะ มาวางไว้กลางห้องเพื่อให้เป็น โต๊ะกลางที่ทุกคนในห้องใช้ ปรากฏว่าได้ผลครับ ในห้องทำงานมีการแชร์กันมากขึ้นแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น และช่วยเหลือกันมากขึ้น 5. จัดโต๊ะแบบหันหลังพิงกำแพง ทำให้พนักงานมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า เหมาะสำหรับงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในทางฮวงจุ้ยบอกว่าเป็นการนั่งทำงานที่ดี เพราะมีกำแพงอยู่ด้านหลัง เหมือนมีคนอุปถัมภ์ทำงานแล้วมีแต่ความก้าวหน้า ใน ทางจิตวิทยาการนั่งหลังพิงกำแพง ทำให้มีความรู้สึกเป็นส่วนตัว ผ่อนคลาย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงมั่นใจจึงทำให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการจัดโต๊ะทำงานกับความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ยังมีเกร็ดยิบย่อยอีกพอสมควรเช่น การนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามเป็นเจ้านาย ทำให้ทำงานไม่ก้าวหน้า เป็นความเชื่อที่มีมูลเหตุ แต่ไม่เป็นจริงทั้งหมด ไม่ว่าเจ้านายหรือลูกน้องมักมีสายตา ที่เรียกว่าสายตาประเมิน การที่ลูกน้องโดนเจ้านายมองอย่างประเมินเป็นเรื่องปรกติ ในทางกลับกันเจ้านายมักคิดว่าลูกน้องก็มีสายตาเช่นนี้กับเจ้านาย ทำให้เกิดมีการเขม่นกันในที่สุด การจัดที่นั่งที่หรือทางเดินแคบไป ทำให้องค์กรทำงานได้อย่างล่าช้าอืดอาด ความเชื่อข้อนี้มีส่วน ที่ที่แคบหมายถึงชี่พลังที่น้อย ความเจริญก้าวหน้าก็น้อย การนั่งตรงข้ามเสามีแต่เรื่องเดือดร้อน ความเชื่อข้อนี้มีความจริงอยู่นิดหน่อย ผมไม่ค่อยเชื่อว่าเสาจะส่งผลต่อการทำงานถึงขั้นล่มจมทำงานไม่ได้ แต่เสาจะส่งผลในเรื่องจุดโฟกัสทางสายตา เวลาคนที่เข้าห้องมาก็เห็นเสาก่อน ทำให้ผู้ที่นั่งบริเวณเสาเป็นจุดสนใจและไม่มีสมาธิในการทำงาน ความคาดหวังว่านั่งที่ดีที่สุดทำให้ทำงาน ทำให้ทำงานได้อย่างก้าวหน้า เป็นความเชื่อที่มีปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ “คน” เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ไม่ใช่ผลของโต๊ะนั่งทำงาน

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This