เมื่อได้ยินคำว่า “วิกฤติเศรษฐกิจ” ผมมักนึกย้อนไปในช่วงปี 2540 เสมอ ในช่วงต้มยำกุ้งธุรกิจหลายอย่างได้ล้มหายไป นักธุรกิจหลายคนหายหน้าหายตาไป มีอีกหลายท่านประสบความสำเร็จจาก “การพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส” สิ่งที่น่าสนใจ คือ เขารอดมาได้อย่างไร มุมมองอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดได้ในวิกฤติ “วิกฤติเศรษฐกิจ” มีความเหมือนกับภัยธรรมชาติ คือ จะมาเมื่อไหร่ไม่มีใครบอกได้ ฟังไว้ เตรียมตัวก่อนย่อมเอาตัวรอดได้ เมื่อปี 2540 คุณนิวัฒน์ และคุณพัชรี โฆวงศ์ประเสริฐ สองสามีภรรยา ได้เผชิญมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต โดยคุณนิวัฒน์เปิดบริษัทรับเหมาตกแต่งภายใน กิจการค่อนข้างใหญ่พอสมควร ขณะที่กำลังรับเหมาโครงการคอนโดอยู่ คุณนิวัฒน์โดนโกงเงินค่าตกแต่งภายในไปกว่า 30 ล้าน ช่วงนั้นเสียหายมากบริษัทปิดตัวลง ต้องทิ้งลูกน้องมากมายหลายชีวิต ตอนนั้นคุณพัชรีทำงานประจำกินเงินเดือน จากเคยเป็นช้างเท้าหลังมาตลอด เมื่อเกิดวิกฤติต้องเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นช้างเท้าหน้าของครอบครัว หลังจากตรากตรำมรสุมอยู่พักใหญ่ สองสามีภรรยาได้ตัดสินใจกลับไปผ่อนที่จังหวัดเพชรบูรณ์บ้านเกิด ขณะที่พักผ่อนเจอเพื่อนๆ เก่าเอามะขามคลุกมาให้ชิม และแนะนำให้เอาไปขายที่กรุงเทพฯ แรกๆ คุณพัชรีไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าของทานเล่นไม่น่าจะขายได้เป็นจริงเป็นจัง แต่พอลองชิมดูแล้วเกิดติดใจในรสชาติ ประกอบกับที่ตัวเองทำงานเกี่ยวกับการขาย เลยพยายามค้นหา “จุดเด่นและจุดด้อย” ของมะขามคลุก คุณพัชรีค้นพบว่าเวลาทานมะขามคลุกเข้าไปไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ปัญหาจะเกิดตอนคายเมล็ดออกมา ถ้าเป็นคุณผู้หญิงอาจเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ วิธีการแก้ปัญหา คือ การเลาะเมล็ดมะขามออก เหลือแต่เนื้อ เท่านั้นเองแก้ที่ต้นเหตุ จากนั้นต้องปรับปรุงรสชาติให้จี๊ดจ๊าดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คัดวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ทำแพ็คเกจให้สวยงามน่ารับประทาน สุดท้ายตั้งชื่อแบรนด์ว่า “บ้านมะขาม” แรกๆ ใช้ขายแบบปากต่อปาก ส่งตามร้านที่รู้จัก ส่งตามออเดอร์ที่สั่งมา ยอดขายสูงๆ ถึงวันละสี่หมื่นบาทต่อวัน จากนั้นปี 2545 คุณพัชรีก็ออกจากงานประจำ มาดูแลธุรกิจส่วนตัวอย่างจริงๆ จัง ผ่านไป 11 ปีบ้านมะขามมีลูกบ้านอยู่กว่า 80 ชีวิต มี 5 สาขา ที่เดอะมอลล์สาขา บางแค ท่าพระ รามคำแหง 2 บางกะปิ และสาขาที่เป็นต้นแบบคือ สาขาสุขาภิบาล ถามถึงปัจจัยที่พลิกความล้มเหลวมาเป็นความสำเร็จ คุณพัชรีตอบว่า กำลังใจ ความตั้ง และ ฮวงจุ้ย เธอเล่าว่าจากเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไร หลังๆ เริ่มเชื่อมากขึ้น อาจเป็นเพราะคุณแม่ของคุณพัชรีเชื่อเรื่องต่างที่มองไม่เห็น และพิสูจน์ให้เธอเห็นจากความสำเร็จที่ได้รับ อย่างเช่นบ้านมะขามสาขาสุขาภิบาล 3 ก็มีเค้าโครงของการจัดร้านด้วยฮวงจุ้ยที่ดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าขนาดร้านที่ไม่กว้างมากนักน่าจะอยู่ที่ 4×10 เมตร จะจัดเป็นซุ้มขายสินค้าและร้านกาแฟสดได้อย่างลงตัว ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ 151 องศา ธาตุไฟ ใช้สีร้านเป็นสีออกเขียว ไม้กับไฟ เป็นธาตุสนับสนุนกัน สร้างความเจริญซึ่งกันและกัน ยิ่งหน้าร้านมีร้านกาแฟธาตุไฟ จะช่วยเรียกลูกค้าได้ดีมาก ข้างหน้าร้านสองฝั่งจะประดับไปด้วยต้นไม้ทั้งเป็นแถวยาวไปถึงตัวร้าน ต้นไม้จะช่วยดักพลังชี่ให้เข้าร้าน และสร้างความร่มรื่นแก่ผู้อยู่อาศัย หน้าร้านจะมีน้ำล้นเล็กๆ สร้างความผ่อนคลาย และกระตุ้นพลังมังกรที่หมายถึงทรัพย์สินให้เข้ามาที่ร้าน ประตูของร้านเปิดทางขวามือถือเป็นประตูมังกร เปิดประตูที่นำสิ่งดีๆ เข้ามาในร้าน เหมือนกับประตูของเซเว่นอีเลฟเว่น เคาน์เตอร์เก็บเงินตั้งอยู่ในสุดของร้านเยื้องไป 45 องศาจากประตู เป็นองศาขุมทรัพย์ ทำให้ร้านสามารถเก็บเงินอยู่ และยังใช้พื้นที่ข้างในทำงานเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น ติดสติกเกอร์ขนม คิดบัญชี ถือว่าจัดวางพื้นที่ได้เหมาะสมดี ฮวงจุ้ยที่ดีบวกกับสินค้าที่ดี ความสำเร็จย่อมอยู่ในกำมือเรา ทั้งหมดนี้ดูภาพได้ที่บล็อกสเปซของผม http://www.oknation.net/blog/bizfengshui นะครับ