การตลาดผ่านวีดีโอที่ร้อนแรงตอนนี้คงหนีไม่พ้น YouTube และ Facebook Video ทำให้เป็นประเด็นที่ว่าคุณควรเลือกลงโฆษณากับที่ไหนดี จะทิ้ง YouTube ไปลงกับ Facebook Video จะดีหรือไม่ ลองมาศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจกัน
YouTube — ตายไม่เป็น
แน่นอนว่า YouTube ก็คิดอยู่แน่นอนว่า Facebook Video จะเป็นคู่แข่งรายใหญ่และสำคัญ แต่กุญแจของยักษ์ใหญ่ด้านวิดีโอที่บริหารจัดการโดย Google นั้นยังคงมีฐานผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน และมีคนดูหลายร้อยล้านต่อชั่วโมงในวิดีโอของในแต่ละวัน และจำนวนวิดีโอก็เพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือนมากถึงร้อยละ 50 กันเลยนะในแต่ละปี สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ YouTube คือมีเครื่องมือค้นหา (Search Tool) เป็นพี่ใหญ่คุมพื้นหลังของ Google อยู่นั้นเอง
Facebook Video, นี้ละคู่แข่งตัวจริง
แม้ YouTube ยังคงรักษาตลาดผู้นำด้านวิดีโออยู่นั้น ทำให้เกิดสิ่งที่สำคัญและมองเห็นเป็นประโยชน์อย่างรวดเร็วสำหรับ Facebook Video โดยรายงานล่าสุดจาก Socialbakers แสดงให้เห็นว่า Facebook Video มีการขึ้นถึงกลุ่มบุคคลได้มากกว่าชนิดอื่นๆในการโพสข้อมูล ผู้ใช้งาน Facebook กำลังหิววิดีโอก็ว่าได้ โดยเฉพาะล่าสุดมีการดึงความสนใจจากวิดีโอโดยแสดงผลคราวๆ จากหน้า Feed ของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานเรียกได้ว่าเสพติดภาพวิดีโอโดยการเชื่อมโยงและการอัพเดทสถานะข้อความนั้นเอง
การเข้าถึงเนื้อหาระหว่าง Search และ Social
การค้นหาหรือ Search ข้อมูลนั้นอย่างที่รู้กันว่าประมาณครึ่งทางท่านผ่านมาทั้งทศวรรษนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่ต้องยอมรับ นั้นคือการเกิดขึ้นของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) ซึ่งเป็นค่านิยมอย่างมากและเชื่อว่าชาวไอทีเมามันส์หลายคนก็เป็นสาวกที่ตเสพติดเครื่องมือเหล่านี้อย่างไม่คิดจะหลีกเลี่ยง และทั้งหมดทำให้เกิดการค้นหาข้อมูลออนไลน์เกิดขึ้นด้วย แต่ YouTube มักจะคิดแค่ความเป็นเหตุเป็นผลที่เกิดขึ้นในการแสดงข้อมูลและเนื้อหาของวิดีโอ แต่นั้นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งเพราะสมการส่วนที่เหลือยังเป็นที่ต้องการให้ผู้ใช้งานเสพข้อมูลทำให้เป็นการสนับสนุนโครงสร้างทางสนับสนุนโครงสร้างของเครือข่ายออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter YouTube อาจจะทำให้การอัพโหลดวิดีโอนั้นง่ายดาย แต่มันอาจจะไม่เพียงพอมากเท่ากับการที่ผู้ใช้งานจะได้สนุกกับการเข้าถึงได้ง่าย โดยเมื่อผู้ใช้งานมีหน้าแรกหรือหน้าโปรไฟล์ที่เป็นส่วนตัวแล้วยังติดต่อกับเพื่อนๆได้เป็นสังคมขนาดใหญ่ที่สามารถอัพโหลดวิดีโอไปให้เพื่อนๆดูได้อย่าง Facebook Video และกระบวณการที่เป็นพื้นทางและโมเมนตัมทางสังคมทำให้วิดีโอนั้นได้ถูกเปิดใช้งานได้ง่ายดายจากผู้ชมขนาดใหญ่ในกลุ่มผู้ใช้งานที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน Facebook ได้มีการผลักดัน Video ให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างใกล้ชิด และผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแบบเปิดประโยชน์มากขึ้น นี่เป็นข้อได้เปรียบและดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากเมื่อมันมีผลต่อประเภทของวิดีโอออนไลน์ที่รองรับการเข้าชมเฉพาะกลุ่มและตามความต้องการ
วิดีโอออนไลน์ : ความใหม่และความคงทน
วิดีโอออนไลน์นั้นจะเรียกได้ว่าเหมาะสำหรับคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ความใหม่สดและความคงทนในสื่อนี้เป็นจริงจากการวัดความสามารถวิดีโอที่ยึดความสนใจได้เป็นเวลานาน อาวุธที่มีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจนโดยที่ Facebook Video ได้เปรียบด้านสถานที่การแสดงผลขอข้อมูล แต่ YouTube นั้นได้รับอำนาจจกาแหล่งที่มากของเนื้อหาอื่นๆ มันทำให้เกิดความคู่คี่แบบน่าสนใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจะดูเหมือนว่า YouTube ก็มีการลงทุนมากมายเมื่อสนุบสนุน ชาวไอทีเมามันส์อาจจะใช้อยู่นั้นคือ Google Plus ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมที่พยามผูกรวมทุกอย่างมาไว้ด้วยกัน และตัว YouTube เองก็ยังมีรูปแบบเครือข่ายสังคมเดิมบ้างอยู่แล้ว และความแข็งแกร่งด้านการนำเสนอโฆษณาที่มีคุณภาพในเนื้อหาและส่วนต่างๆ ด้าน Facebook Video นั้นมุมเน้นการนำเสนอเนื้อหามากกว่า เช่นคุณลักษณะการแสดงผลอัตโนมัติที่เพิ่งเปิดใช้งานทำให้เกิดความเข้าถึงได้เร็วขึ้นนั้นเอง แต่ยังไม่มีการแสดงผลโฆษณาบนเนื้อโฆษณาแบบ YouTube แต่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้น่าจะมีออกมาให้เห็นรอดูกันต่อไปครับจริงไหมครับชาวไอทีเมามันส์ แต่ตอนนี้มีการแสดงผลโฆษณาแล้วในบางประเทศสำหรับ Facebook โดยการแสดงผลจะมีการแสดงหลังจากจบคลิปเนื้อหาวิดีโอ
Facebook vs. YouTube สำหรับนักการตลาด
สำหรับการนำเสนอเนื้อหาเพื่อการโฆษณาสินค้าและบริการในการตลาดออนไลน์นั้น ความจริงแล้วต้องเข้าใจพื้นฐานของความแตกต่างของทั้งสองแพลตฟอร์มก่อน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าอันไหนเหมาะกับสินค้าและบริการของคุณมากที่สุด หรืออาจะให้ทั้งสองตัวเป็นการผลักดันเพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดก็เป็นได้ ฟังดูแล้วมันยังคุมเครือที่สามารถฟันธงและบอกได้ยากว่าจะให้เจ้าไหนดี Facebook Video และ YouTube อาจจะมีการต่อสู้เพื่อขยายอนาจักรหรือเป็นผู้ครอบครองความเป็นใหญ่ด้านวิดีโอออนไลน์ แต่ในขณะที่ทั้งสองเจ้าใหญ่นี่ได้ต่อสู่กันนั้นไม่ได้หมายความว่าการเลือกทั้งสองอย่างมาทำการตลาดนั้นจะทำไม่ได้ อาจจะส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อก็เป็นได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ฝ่ายตรงกันข้ามกันในแบรนด์แต่การสร้างข้อมูลเพื่อใช้ในการตลาดออนไลน์ทั้งสองนั้นได้นำเสนอออกมาแล้วว่ายอดเยี่ยม
ด้านต้นทุน (Cost)
นอกจาการขายโฆษณาวิดีโอโดยตรงแล้ว Facebook Video และ YouTube ได้นำเสนอตัวเองในรูปแบบเครื่องมือที่แตกต่างกัน สำหรับผู้ที่โฆษณาที่ตั้งงบประมาณและกำหนดเป้าหมายที่กำหนดได้จากเครื่องมือของ Facebook มีต้นทุนคงที่ต่อการแสดงผลโฆษณาต่อวัน ด้าน YouTube นั้นเน้นให้ผู้โฆษณาได้รับการแสดงผลได้สมบูรณ์และมาคิดค่าใช้จ่ายเป็นแบบการเฉลี่ยมุมมองและการเข้าชมในแต่ละวัน (คำเตือน : สำหรับผู้สนใจโฆษณาจริงๆแล้วอาจจะดูเหมือนการตั้งงบประมาณบน Facebook จะดูน้อยกว่าประหยัดกว่าแต่ผลจากการเข้าชมผู้ใช้งานที่เข้าดูโฆษณาอาจจะไม่ได้รับชมอย่างเต็มทีหรือครบตามจำนวนวินาที ซึ่งใน YouTube จะเน้นสงมอบเนื้อหาในกรอบแนวคิดนี้มากกว่า แต่เมื่อเทียบผลิตภัณฑ์ทั้งสองแล้วในด้านราคานั้นตัวชี้วัดมูลค่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก)
โฆษณาเล่นอัตโนมัตบน Facebook Video หรือกดข้ามโฆษณาบน YouTube
ราคาและค่าใช้จ่ายนั้นแตกต่างกันในแต่ละแบบ โดย YouTune นั้นต้องการคัดคนที่ดูโฆษณาแบบให้ความสนใจจริงๆในการรับชม ถ้าไม่สนใจก็จะมีปุ่มให้กด Skip ข้ามไป และYouTube ก็จะเรียกเก็บเฉพาะส่วนที่มีการเข้าชมเท่านั้น สำหรับ Facebook Video นั้นจะอยู่ในรูปแบบการนับถอยหลังแล้วเล่นโฆษณาหลังจากวิดีโอสามวินาที และผลจากการเล่นอัตโนมัติของ Facebook ในตอนท้ายวิดีโอนั้นมีผลที่เป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าจะคิดอัตราค่าโฆษณาเป็น 50%, 75% และ 100% ของวิดีโดนั้นๆ เอาละหลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้อาจจะได้ข้อมูลไม่มากก็น้อยในการเลือกลงโฆษณาแล้วใช่ไหม และถ้าชาวไอทีเมามันส์ท่านไหนใช้งานอยู่ลองมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับจะได้เป็นแนวทางและข้อเปรียบเทียบให้ท่านอื่นๆที่สนใจทำตลาดออลไลน์ด้านนี้กัน.. Source :
- Content : Facebook vs. YouTube: Who’s winning the video marketing battle? by Brad Jefferson, Animoto
- Content : Facebook Video vs. YouTube: Maximizing Results in the Evolving Video Landscape by Brian Honigman
- Content : Facebook vs. YouTube: What Does Your Video-Ad Buy Get You? by Tim Peterson
- Image : Facebook Video or Youtube? at littlefield.us