การมีโมบายแบงค์กิ้งไม่ได้หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวแล้ว

Must Read

YamaSei
YamaSei
ชอบเรื่องการ์ดเกม บอร์ดเกม กีฬา ออกกำลัง และวัฒนธรม การใช้ชีวิต เพลงของญี่ปุ่น แต่ไม่ชอบภาษาญี่ปุ่นแหะ

การมีโมบายแบงค์กิ้งไม่ได้หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวแล้ว

 

ขอเล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรงและนิสัยส่วนตัว ผมว่าบางท่านน่าจะเคยเจอสถานการณ์อย่างที่ผมเคยเล่า

คือผมไม่ค่อยไม่ค่อยใช้สมาร์ทโฟน เพราะเป็นคนใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก  และจะมีมือถือไว้เพื่อโทรมากกว่าใช้อินเตอร์เน็ต ถามว่าผมไม่มีเลยเหรอ ผมก็มีครับ แต่เป็นแทบเลตที่ใช้โทรได้ แต่ถ้าไม่ได้ออกข้างนอกนานๆ ผมแทบจะไม่เอามันติดตัวไปเลย

เหตุผลอีกอย่าง คือ แค่ไม่อยากให้ค่าอินเตอร์เน็ตมือถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมก็เท่านั้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มมาแค่หลักร้อยต่อเดือน ก็ทำให้ผมต้องคิดเหมือนกันนะ แม้ว่าบางทีก็หงุดหงิดที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้นอกบ้านเหมือนคนอื่นบ้างก็ตาม แต่ก็นะ ถ้าเลือกจะประหยัด ผมอดทนกลับไปใช้เน็ตบ้านดีกว่า

เข้าเรื่องหลัก เมื่อทุกคนมีสมาร์ทโฟน ระบบโมบายแบงค์กิ้งมีส่วนทำให้การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันง่ายขึ้นมาก ทั้งโอนไปหากันฟรี รู้ว่าเงินเข้าออกเมื่อไหร่ตอนไหนโดยที่ไม่ต้องไปธนาคารเหมือนแต่ก่อน และใช้จ่ายแทนเงินสดในยุคโควิดที่ต้องลดการสัมผัสให้น้อยลง แถมไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก

ขนาดผมไม่ใช่คนใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก ยังยอมรับว่า มันคือความสะดวกสบายในชีวิตของจริง โอนจ่ายแบบไม่มีค่าธรรมเนียม แถมไม่ต้องพกเงินติดตัวให้เยอะแยะ และไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายหรือเราเองจะมีทอนหรือไม่

แต่ ก็มีความจริงอยู่ที่ว่า อินเตอร์เน็ตแบบไวไฟ หรือ สมาร์ทโฟน ยังไม่ได้เข้าถึงคนไทยได้ทุกคน ด้วยสังคมที่มีค่าแรงขั้นต่ำแทบจะไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ ถ้าบอกให้ดูดีหน่อยคือ ยังมีพอใช้ แต่ไม่มีให้เหลือเก็บเลย ยิ่งถ้าคุณได้ดูข่าวที่ว่า นักเรียนต้องเรียนออนไลน์เนื่องจากภัยของโควิด แต่ใช้ว่าทุกบ้านจะมีคอม จะมีเน็ต จะมีมือถือที่พอให้เรียนออนไลน์ได้ทุกบ้าน

ผมกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เคยเดินทางออกนอกสถานที่ซึ่งเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผมเป็นคนเดียวที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตมือถือ และพกเงินสดตลอด สองคนเป็นคนที่จะใช้มือถือในการจ่ายแทนเงินสด ซึ่งปัญหาของสองคนที่พบเจอคือ สองคนนั้นหิวน้ำอย่างมาก (ผมพกขวดน้ำไป) เมื่อพวกเราไปร้านขายของแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า แม่ค้ารับแต่เงินสดเท่านั้น ทำให้พวกเราต้องหาร้านอื่นที่สามารถรับจ่ายเงินผ่านมือถือได้ และมันไม่ได้หาเจอง่ายๆ น่าจะใช้เวลาเดินหาประมาณ เกือบ 20 นาที กว่าจะเจอร้านค้าที่จ่ายผ่านมือถือได้ พวกเขาดื่มน้ำเย็นๆ อย่างโล่งใจ พลางบ่นปวดขาไปด้วย

ปัญหายังไม่จบแค่นั้น แน่นอนว่าพวกเราต้องกินข้าว พวกเขาก็หาร้านอาหารทานในหมู่บ้านนั้นแหล่ะ ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่ง พวกเราไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปนั่งสั่งอาหารกินกัน เมื่อเวลาจะจ่ายเงิน แน่นอน แม่ค้ารับแค่เงินสดเท่านั้น พวกเขาบอกว่า ไม่มีเงินสดติดตัวกันเลย แถมพยายามถามหาตู้ธนาคาร หรือวิธีใดก็ได้ที่สามารถจ่ายเงินผ่านมือถือให้ได้ ผมเลยอาสาออกเงินสดไปให้ก่อน แล้วให้พวกเขาโอนเงินมาให้ผมทีหลัง โชคดีที่ผมพกเงินสดมากพอสำหรับค่าอาหารที่พวกเรากินกันได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทานอะไรเยอะ

 

ผมก็กลับมาคิด ว่าทำไมสองคนนั้น ไม่พกเงินสดติดตัวกัน กระเป๋าตังค์ก็ต้องพกติดตัวอย่างน้อยก็ไว้ใส่บัตรประชาชน หรือ บัตรเอทีเอ็มสิ และผมก็รู้ว่า ยังไงการพกเงินสดยังหมดห่วงมากกว่า ถ้าเกิดอินเตอร์เน็ตล่ม เน็ตหมด จะทำยังไง ถ้าเกิดแอปฯของธนาคารใช้ไม่ได้ จะทำยังไง และที่สำคัญคือคนไทยบางส่วนยังไม่นับสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันขนาดนั้น เพราะข่าวเราก็เห็น เราก็เห็นผู้คน สังคมตอนนี้ว่าเป็นยังไง ขนาดเราอยู่ในเมือง ก็ยังมีผู้คนที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนกันเลย

หัวหน้าเคยบ่นให้ผมฟังว่า การที่พ่อค้าแม่ค้าไม่ใช้ระบบนี้ ทำให้เสียโอกาสในการค้า เขาเคยเล่าว่า เขาเคยซื้อผลไม้เจ้าหนึ่งแล้วรับแค่เงินสดเท่านั้น เขาเลยเปลี่ยนร้านที่รับจ่ายผ่านมือถือได้
ส่วนตัว ผมก็เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่ามันเสียโอกาสในการขายจริง แต่คนเขาไม่มีจะให้ทำยังไง แถมเขาก็น่าจะเจอสถานการณ์แนวนี้มาก่อนแล้ว แล้วทำไมไม่พกเงินสดเผื่อไว้ล่ะ ผมว่าร้านค้าก็อยากปรับตัวบ้างแหล่ะ แต่ของพวกนี้ต้องใช้ทุนเหมือนกัน อย่างที่บอก ถ้าไม่นับค่ามือถือใหม่ แล้วค่าอินเตอร์เน็ตที่ต้องจ่ายทุกเดือนล่ะ ค่าเน็ตไม่ใชระบบที่เน็ตหมดแล้วเติมได้นะ (จริงๆ มันมี แต่ดันจำกัดวัน ไม่ใช่แบบเติมค่าโทรแล้วได้วันนานเป็นเดือน แถมเติมรายครั้งมันย่อมแพงกว่ารายเดือนอยู่แล้ว)

 

ผมว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทยหรอก บางประเทศที่พัฒนาแล้ว บางทียังต้องใช้เงินสดเลย เช่น ตู้ขายของหยอดเหรียญหรือใช้แบงค์  ดังนั้น โมบายแบงค์กิ้งไม่ได้ทำให้เงินสดหมดค่า แค่ทำให้ความสำคัญลดลง แต่มันไม่มีทางหมดไปได้แน่ อย่างน้อยเงินสดก็สามารถฝึกแบ่งนำมาหัดออมได้นะ เช่น การหยอดกระปุก เป็นต้น

 

ต่อให้ยุคนี้ ผู้คนเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่ายเงินในรูปแบบดิจิต่อลที่เรียกกันว่า “คริปโทเคอร์เรนซี” กันบ้างแล้ว แต่ก็เหมือนกับโมบายแบงค์กิ้ง มันแค่ลดคุณค่าของเงินสดลงเท่านั้น ถ้าเน็ตใช้ไม่ได้ ระบบล่มก็ใช้จ่ายกันไม่ได้ ดังนั้น พกเงินสดไว้บ้างเถอะ อย่างน้อย การมีมันทำให้คุณไม่อดตายในสถานการณ์จำเป็นนะ ถ้าพูดแบบโหดร้ายหน่อย ถ้ามือถือคุณหาย หรือถูกขโมย อย่างน้อยคุณยังมีเงินติดตัวเพื่อได้กลับบ้านนะ(สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว)

 

แต่ถ้าเป็นเรื่องทำธุรกรรมการเงินข้ามจังหวัด ข้ามประเทศ ด้วยจำนวนเงินไม่กี่บาทหรือหลักล้าน ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งพวกนี้ก็ทำให้ชิวิตง่ายขึ้นจริงๆ

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This