ข่าวดี! จีนเตรียมผ่อนคลายให้นักธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนในจีนผ่านวีซ่าได้ง่ายขึ้น

Must Read

สวัสดีคอการเงิน คอธุรกิจ และนักลงทุนทุกคน ครั้งนี้เรามีข่าวดีจะแจ้งให้คุณได้ทราบว่า ล่าสุดจีนเตรียมผ่อนคลายให้นักธุรกิจชาวต่างชาติขอวีซ่าเข้าประเทศง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้เวลานาน เพื่อกระตุ้นการลงทุน แล้วรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ใครอยากรู้ก็ตามมาเลย

สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้

  • รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการผ่อนคลายให้นักธุรกิจชาวต่างชาติสามารถเข้าประเทศทำธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจีนประสบปัญหาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 เม็ดเงินการลงทุนในจีนต่ำสุดในรอบ 18 ปี

  • กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้ออกมาตรการที่ให้นักธุรกิจชาวต่างประเทศขอวีซ่าเข้าประเทศจีนได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อประชุมทางธุรกิจ นิทรรศการ หรือการลงทุน แต่ไม่สามารถขอวีซ่าก่อนการเดินทางได้ทันสามารถใช้จดหมายรับรองจากบริษัทในจีนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มาตรการดังกล่าวมีไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

  • นอกจากนี้นักธุรกิจชาวต่างชาติที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศจีนหลายครั้งสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าธุรกิจสำหรับการเข้าเมืองหลายครั้งได้ หลังจากการกลับเข้ามาประเทศจีน โดยวีซ่าดังกล่าวจะมีอายุ 3 ปี

  • Jia Tongbin รองผู้อำนวยการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ กล่าวว่ามาตรการเหล่านี้จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านธุรกิจ อำนวยความสะดวกแก่ผู้บริหาร นักธุรกิจ และบุคลากรต่างชาติในการดำเนินความร่วมมือทางการค้า เปิดใช้และเจรจากิจกรรมทางธุรกิจในประเทศจีน และมองว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน

  • ไม่เพียงเท่านี้ จีนยังเตรียมยกเลิกมาตรการที่ชาวต่างชาติจะมอบหนังสือเดินทางเมื่อยื่นขอวีซ่าพำนักอาศัยในจีน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศจีนมากถึง 700,000 คน

  • มาตรการดังกล่าวที่จีนได้เข็นออกมาถือเป็นความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในประเทศจีนสามารถเข้าออกประเทศได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งผลที่รัฐบาลคาดหวังคือจะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาจีนอีกครั้ง

  • โดยตัวเลขเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 อยู่ที่ 98,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 ที่ผ่านมา FDI ของจีนถือว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 18 ปี แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวจากการเปิดประเทศก็ตาม

  • ขณะที่คาดการณ์ล่าสุดจาก IMF นั้นคาดว่า GDP ของจีนในปีนี้จะเติบโตเพียงแค่ 5.2% และในปี 2024 จะเติบโตแค่ 4.5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่เป็นใจ

  • Jens Eskelund ประธานหอการค้าของยุโรปที่มีธุรกิจจีน กล่าวว่า มาตรการวีซ่าล่าสุดถือเป็นสิ่งมาในทิศทางที่ถูกต้อง และหากได้รับการปฏิบัติในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยจัดการกับความล่าช้าต่างๆ ที่นักธุรกิจชาวต่างชาติพบเจอถ้าหากเดินทางเข้าไปในจีน

  • อย่างไรก็ดีมาตรการดังกล่าวประธานหอการค้ารายนี้ได้ชี้ว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูการเดินทางด้านธุรกิจเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด หรือแม้แต่ฟื้นฟูความน่าดึงดูดในการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งในอดีตนั้นแดนมังกรถือเป็นเป้าหมายปลายทางของนักธุรกิจทั่วโลก ก่อนที่สถานการณ์ดังกล่าวได้เปลี่ยนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจด้านการเงินและการลงทุนล่าสุดจากจีนที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคน และหากมีความคืบหน้าสำคัญจากจีนด้านการลงทุนเช่นนี้อีก เราจะรีบมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ทราบก่อนใครทันที

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This