ค่าย NIO แบรนด์รถไฟฟ้าชื่อดังจากจีนประกาศจะนำ Solid-state แบตเตอรี่มาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายภายในปี 2022

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงยานยนต์ สำหรับครั้งนี้เราก็มีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่า ค่าย NIO จากจีนตอนนี้ได้ท้าชน TOYOTA ทำแบตเตอรี่Solid-state เพื่อขายปลายปี 2022 แล้ว

รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่สรุปด้านล่างนี้

  • ล่าสุด NIO ค่ายยานยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่มาแรงจากจีนประกาศกร้าวอย่างเป็นทางการว่ากำลังพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ภายใต้เทคโนโลยี Solid-state ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • โดยตัวแบตเตอรี่ Solid-state นี้จะเริ่มติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2022 เป็นต้นไป
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามันจะอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ชื่อ ET7
  • จุดเด่นของแบตเตอรี่แบบ Solid-state จะพบว่า ในขนาดเซลล์แบตเตอรี่เท่ากัน แบตเตอรี่แบบ Solid-State จะให้ความจุที่มากกว่าแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ที่ใช่กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
  • และข้อดีอีกอย่างคือ มันสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่า แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion มากๆ
  • เมื่อจุได้มากกว่า ชาร์จได้เร็วกว่า แบตเตอรี่ Solid-state จึงเป็นความหวังครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
  • ก่อนหน้านี้ก็มี Toyota ที่ประกาศว่ากำลังมุ่งมั่นพัฒนาแบตเตอรี่ Solid-state นี้อยู่
  • นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่ารถยนต์ของ NIO รุ่น ET7 จะเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมแบตเตอรี่ Solid-state
  • มีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ET7 จะวิ่งได้ไกลกว่า 730 กม. หลังจากชาร์จเต็ม ผ่านการใช้แบตเตอรี่ความจุ 150 กิโลวัตต์ชั่วโมงแบบ Solid-state

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงยานยนต์จากค่าย NIO ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าข่าวนี้คงจะสร้างความตื่นเต้นแก่คนรักยานยนต์ไฟฟ้ากันทุกคน สำหรับใครที่รอการมาของแบตเตอรี่โซลิทสเตทก็คงได้รอกันไม่นานแล้วล่ะ

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This