ณ ตอนนี้ จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอียู ไม่ใช่สหรัฐฯ

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศ สำหรับครั้งนี้เรามีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ตอนนี้จีนยังคงนำหน้า สหรัฐฯ ครองตำแหน่ง คู่ค้าเบอร์หนึ่ง ของอียู ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเล้ยย

สรุปสาระสำคัญของประเด็นนี้ได้ดังนี้

  • ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) รายงานสถิติเมื่อนับถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของสหภาพยุโรป (EU) โดยได้แซงหน้าสหรัฐฯ และครองตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
  • ทั้งนี้ ปริมาณการค้าสินค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับจีนในช่วง 10 เดือนแรกอยู่ที่ราว 77 แสนล้านยูโร (ราว 17.42 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019
  • ขณะที่ปริมาณการค้าสินค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ลดลงเหลือ 6 แสนล้านยูโร (ราว 16.8 ล้านล้านบาท) ลดลงร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของสหภาพยุโรปดิ่งฮวบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา จนแตะระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน หลังจากที่องค์การอนามัยโลกระบุว่ายุโรปเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด -19 ช่วงกลางเดือนมีนาคม
  • จากนั้นในเดือนพฤษภาคม การค้าสินค้าปรับตัวดีขึ้นและยังคงทรงตัวในเดือนมิถุนายน แต่ยังมีปริมาณต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด
  • โดยในเดือนตุลาคม สหภาพยุโรปส่งออกสินค้ามูลค่า 78 แสนล้านยูโร (ราว 6.52 ล้านล้านบาท) ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี และนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่ารวม 1.50 แสนล้านยูโร (ราว 5.5 ล้านล้านบาท) ลดลงร้อยละ 14.3 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2019

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแม้ว่าโลกจะประสบภาวะวิกฤติจากโควิด 19 ระบาด แต่จีนก็ยังคงมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมั่นคงเป็นกำลังหลักของโลกในปัจจุบัน

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This