ตอนนี้ไทยมีวัคซีนโควิด 19 เพียงพอแก่ประชากรเพียงแค่ 19% ของประชากรทั้งประเทศ

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวด้านสังคมที่น่าสนใจ สำหรับครั้งนี้เรามีข่าวร้ายจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ข้อมูลตอนนี้เปิดเผยแล้วว่า ประเทศไทยเรา ณ ขณะนี้มีวัคซีนโรคโควิด 19 เพียงพอแค่สำหรับ 19% ของประชากรทั้งประเทศ

รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร มาติดตามกันเล้ยย

  • วัคซีนโรค COVID-19 ถูกคิดค้น ทดสอบ และผลิตในระยะเวลาที่เร็วกว่าโรคเกิดใหม่ใดๆ ในประวัติศาสตร์ เนื่องมาจากความร่วมมือและการสนับสนุนของประเทศมหาอำนาจเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตคน จากโรคระบาด
  • อย่างไรก็ดี การกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ที่คนต้องการยังมีความท้าทาย ความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันไปตามสภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ
  • แคนาดาเป็นประเทศที่สั่งจองวัคซีนจำนวนมากที่สุดเมือเทียบกับประชากร เพียงพอสำหรับจำนวนคน 5 เท่าของจำนวนประชากร จากการสั่งจองวัคซีนจากหลายผู้ผลิตตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นของการพัฒนา
  • สำหรับประเทศไทย มีการสั่งจองวัคซีนจาก AstraZeneca ผลิตร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford เพียงพอสำหรับฉีดให้ประชากรไทย 13 ล้านคน ภายในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ประชากรไทยร้อยละ 19 มีภูมิคุ้มกัน และคาดว่าในปีหน้าจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคจากผู้ผลิตอื่นๆ มากกว่านี้
  • นอกจากนี้ประเทศไทยสามารถรับวัคซีนเพิ่มเติมจากการเป็นสมาชิกโครงการ COVAX ซึ่งเป็นโครงการจัดหาวัคซีนให้ประเทศกำลังพัฒนาที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงวัคซีน ก่อตั้งโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และ Gavi
  • โดยโครงการ COVAX คาดว่าจะสามารถแจกจ่ายวัคซีน 2 พันล้านโดส ให้ประเทศสมาชิกได้ภายในปีหน้า

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจด้านสังคมที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาวไอทีเมามันส์กันทุกคน เพราะเมื่อได้ทราบข้อมูลนี้แล้ว ทุกท่านจะได้ระวังตัว ไม่ใช้ชีวิตโดยประมาท

ที่มา 1 2 3 4 5

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This