ธุรกิจ Cloud kitchen กำลังเติบโตสวนกระแสในสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤติการณ์โควิด 19

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงธุรกิจ สำหรับวันนี้เรามีประเด็นที่น่าสนใจจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ตอนนี้ธุรกิจ Cloud kitchen สหรัฐฯ สดใส เกิดการจ้างงาน 1 พันคน จนทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั้งหลายเตรียมเปลี่ยนร้านอาหารร้างเป็น  ฟู้ดดิลิเวอรี่ แล้ว 

ในช่วงวิกฤติการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในสหรัฐอเมริกา ทำให้จำเป็นต้องมีการประกาศเคอร์ฟิวล็อกดาน์ในหลายพื้นที่  แน่นอนว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคงหนีไม่พ้นธุรกิจการท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก และร้านอาหาร   แต่ในวิกฤติก็มีโอกาส เพราะตอนนี้ คลาวคิชเชน (Cloud kitchen) และ ฟู้ดดิลิเวอร์รี่ (Food delivery)  กำลังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีสวนกระแส 

ยกตัวอย่างจากรายงานของเว็บไซต์ CNBC ในวันที่ 15 เมษายน   2020  ที่ได้รายงานว่า

1.  บริษัท C3 (Creating Culinary Communities) ในเครือ BE Entertainment Group ดำเนินกิจการบริการท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร ได้ทำการไล่ทำสัญญาเช่าพื้นที่ร้านอาหารที่ปิดกิจการไปแล้ว เพื่อเตรียมปรับปรุงส่วนที่เป็นครัวในการประกอบกิจการ  คลาวด์คิชเช่น  และเป็นจุดกระจายอาหารแบบจัดส่งถึงที่เท่านั้น หลังพบว่าบริการ ฟู้ดดิลิเวอร์รี่ มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 2 เท่าตัว ในช่วง โควิด-19 ระบาด

2. บริษัท C3 มีแผนที่จะขยาย คลาวด์คิชเช่น จำนวน 138 แห่งตามเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ภายในปี 2020 รวมไปถึงต้องจ้างพนักงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คนมารองรับการขยายกิจการดังกล่าว

3. เพื่อให้สามารถจัดส่งอาหารถึงมือลูกค้าภายใน 30 นาที อันเป็นจุดขายของบริษัท จึงมีแนวโน้มว่าจะมีการจ้างงานสู่กิจการมากขึ้นในอนาคต 

โลกกำลังจะเข้าสู่การเป็น คลาวด์คิชเชน เต็มตัวแล้วหรือไม่ ยังยากจะตัดสินในตอนนี้ แต่คงคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าพฤติกรรมของผู้คนหลังจากวิกฤติโควิด 19 อาจจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป โลกเราอาจเข้าสู่ยุค Social Distancing หลังจากนี้ก็เป็นได้ 

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This