นิตยสาร Forbes เชิญ"ธนินท์ เจียรวนนท์" ประชันวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อ Enlarging the Winner’s Circle

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

นิตยสารฟอร์บส์สื่อดังจากสหรัฐอเมริกาได้เชิญ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจแห่งปี 2554 ของภูมิภาคเอเชียโดยการจัดอันดับของฟอร์บส์เมื่อปีที่ผ่านมา ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุม Forbes Global CEO Conference 2012 ณ โรงแรม มาดิแนท จูไมรา (Madinat Jumeirah)นิตยสาร Forbes ธนินท์ เจียรวนนท์ ประชันวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อ Enlarging the Winners Circle

เมืองดูซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกครั้งสำคัญที่นิตยสารฟอร์บส์จัดขึ้นภายใต้แนวคิดชื่อ“The Race Ahead” ในการนี้นายธนินท์ ได้ประชันวิสัยทัศน์ภายใต้หัวข้อEnlarging the Winners Circle ร่วมกับผู้นำระดับโลกอีก 3 คน ได้แก่ 1.มร.ลินด์เซย์ ฟ็อกซ์ (Lindsay Fox) นักธุรกิจชาวออสเตรเลียผู้ก่อตั้งบริษัทLinfox บริษัทชั้นนำของโลกในการบริหารงานด้านโลจิสติกส์ 2.มร.โมฮัมเหม็ด แมนซัวร์ (Mohamed Mansour) ประธานกรรมการ Mansour Group นักธุรกิจชั้นนำชาวอียิปต์ 3. มร.เซียง เหวิน โป (Xiang Wenbo) ประธานบริษัท Sany Heavy Industry ในจีน ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผสมคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งใน 50 บริษัทชั้นนำที่ผลิตเครื่องจักรก่อสร้าง โดยมี มร.สตีฟ ฟอร์บส์ (Steve Forbes) ประธานกรรมการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ นิตยสารฟอร์บส์ เป็นผู้ดำเนินรายการ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดมุมมองวิสัยทัศน์โดยมีความเห็นว่าวิกฤติศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งบางประเทศก็ได้รับผลกระทบมาก บางประเทศได้รับผลกระทบน้อย และบางประเทศอาจไม่ได้รับผลกระทบเลย ทั้งนี้ นายธนินท์ ผู้นำธุรกิจของประเทศไทย ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพลังของเอเชีย โดยเชื่อว่าเอเชียจะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการค้าโลก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในประเทศแถบซีกโลกตะวันตกซึ่งมีประชากรจำนวน 1,000 ล้านคน เป็นโอกาสให้เอเชียซึ่งมีจำนวนประชากรกว่า 3,000 ล้านคนผงาดขึ้นมาโดยมีจีนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก ทั้งยังมั่นใจด้วยว่าเศรษฐกิจในเอเชียจะเติบโตเป็นศูนย์กลางทางการค้าของโลกได้ในที่สุด ทั้งนี้นายธนินท์เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้นำรุ่นใหม่ในจีนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ และได้แนะนำให้รัฐบาลจีนมีนโยบายมุ่งเน้นและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศด้วยการยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น และในขณะเดียวกันต้องรักษาสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีความเห็นว่ารัฐบาลจีนควรสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่เป็นของภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจจีนในอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง หลังจากจบการประชุม สถานีโทรทัศน์ NHK จากประเทศญี่ปุ่นได้สัมภาษณ์นายธนินท์ โดยกล่าวว่าเป้าหมายของตนของการทำให้เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นครัวของโลก พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนให้นักธุรกิจญี่ปุ่นร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าการลงทุนของโลก โดยล่าสุดนายธนินท์ได้เปิดเผยว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมทุนกับโยชิโนยา(Yoshinoya)ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจข้าวหน้าเนื้อต้มซีอิ๊วซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังจากญี่ปุ่นในสัดส่วน 50 : 50 เพื่อเปิดร้านจำหน่ายข้าวหน้าเนื้อต้มซีอิ๊วในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยวางแผนเปิดกิจการในเมืองที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลและเมืองทางตอนเหนือของจีนก่อนที่จะขยายเข้าสู่เมืองทางตอนในของจีน ทั้งนี้เพื่อเป็นก้าวหนึ่งในการรุกเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารในจีนของเครือเจริญโภคภัณฑ์

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

ปรับตัวใหม่! ตลาดหุ้นโลกและผลการประชุมธนาคารกลางส่งสัญญาณอะไรบ้าง?

สัปดาห์นี้เราเห็นการเคลื่อนไหวใหญ่ในตลาดหุ้นทั่วโลก ที่มาพร้อมกับการตัดสินใจสำคัญจากธนาคารกลางหลายแห่ง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยไปจนถึงการอัปเดตเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ให้สัญญาณว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตามด้วยธนาคารกลางสวิสฯ ที่เริ่มต้นด้วยการลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นการตอบสนองต่อเงินเฟ้อที่ลดลง ในอีกด้านของโลก, ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่ยังคงนโยบายการซื้อพันธบัตร เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในขณะนี้...
- Advertisement -

More Articles Like This