ล่าสุดอิตาลีสามารถสร้างพลังงานทางเลือกใหม่จากคาร์บอนไดออกไซด์ได้สำเร็จ

Must Read

ใครที่ชื่นชอบเทคโนโลยีพลังงานสะอาดต้องมารวมกันทางนี้ เพราะครั้งนี้เรามีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุดอิตาลีสามารถสร้างพลังงานทางเลือกใหม่โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์เป็นต้นกำเนิดพลังงานได้แล้ว รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย

สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้

  • เอเนอร์จี โดม (Energy Dome) บริษัทสัญชาติอิตาลีเปิดตัวโรงงานระดับกริด (Grid) หรือศูนย์กักเก็บพลังงานแห่งแรกของบริษัท โดยใช้แหล่งกำเนิดของพลังงานเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนเหล่านี้ยังเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ถูกกักเก็บไว้ได้นาน และปล่อยออกไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือแบตเตอรี่คาร์บอนมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมถึงครึ่งเท่าตัว
  • ปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังเร่งสร้างศูนย์จัดเก็บพลังงานขนาดใหญ่ เนื่องจากความนิยมในเทคโนโลยีสะอาดและพลังงานหมุนเวียนเริ่มเข้าครอบครองเทรนด์ธุรกิจโลก และเทคโนโลยีศูนย์จัดเก็บพลังงาน (Energy Grid) หลายแห่งกำลังเติบโตตามความนิยมของพลังงานในแต่ละกลุ่ม
  • สำหรับศูนย์กักเก็บพลังงานของบริษัทเอเนอร์จี โดม มีหลักการทำงาน คือ พวกเขาจะทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ขยายตัวเมื่อเปลี่ยนจากสถานะของเหลวเป็นก๊าซ ซึ่งจะเข้าสู่สภาวะคงตัวภายใต้แรงดันสูงในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ในอุณหภูมิห้อง คาร์บอนไดออกไซด์เหลว 5675 ลิตร ที่เก็บไว้ที่ความดันราว 56 เท่าของบรรยากาศโลก จะขยายตัวเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,000 ลิตร ในความดันปกติ
  • บริษัทเอเนอร์จี โดม สร้างโดมขนาดใหญ่ที่ปรับขนาดได้ซึ่งเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดมเหล่านี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่โดยการใช้คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าบีบอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มีปริมาตรที่เล็กลง จนกลั่นตัวเป็นของเหลวในที่สุด และการลดขยายขนาดของคาร์บอนไดออกไซด์นี้ก็จะไปผลักกังหันที่สร้างพลังงานได้ ทำให้เกิดเป็นพลังงานหมุนเวียนขึ้นได้
  • ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์ที่กลายเป็นของเหลวและจะถูกกักเก็บไว้ภายใต้แรงดันที่อุณหภูมิปกติ ทั้งนี้ กระบวนการผลิตพลังงานนี้จะทำให้เกิดความร้อนเหลือทิ้ง ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้จะถูกนำไปกักไว้ในระบบกักเก็บพลังงานความร้อนต่อไป และตราบใดที่ยังคงความดันไว้ คาร์บอนไดออกไซด์เหล่านี้ก็จะถูกกักเก็บไว้ได้ในระยะยาว และเมื่อต้องใช้พลังงาน ระบบจะใช้ความร้อนที่เก็บไว้เพื่อระเหยคาร์บอนไดออกไซด์ให้กลายเป็นก๊าซ และชุดกังหันจะรวบรวมพลังงานกลับคืนสู่กริดเมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ขยายตัวกลับเข้าไปในโดม
  • เอเนอร์จี โดมกล่าวเสริมว่า สำหรับประสิทธิภาพของพลังงานคาร์บอนนี้ อาจไม่เทียบเท่าแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าราว 75% แต่ค่าใช้จ่ายคือปัจจัยสำคัญสำหรับเอเนอร์จี โดม พวกเขาเผยกับเว็บไซต์ Recharge News ว่า ภายในเวลาไม่กี่ปี ต้นทุนการจัดเก็บและใช้งานคาร์บอนไดออกไซด์จะอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมที่มีค่าจัดเก็บและเสื่อมสภาพอยู่ที่ 132-245 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง
  • ทั้งนี้ วิธีการดังกล่าว คือตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาด้านค่าจัดเก็บพลังงานที่มีแนวโน้มว่าจะมีราคาถูกลง แต่โดยปกติแล้วจะตอบสนองต่อความต้องการได้ช้ากว่า และเหมาะกับการผลิตพลังงานตามฤดูกาลในระยะยาว โดยที่คาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำหน้าที่ในฐานะแบตเตอรี่เหล่านี้สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับแบตเตอรี่ลิเธียม ในขณะที่กักเก็บพลังงานได้นานขึ้นโดยมีการเสื่อมสภาพของระบบน้อยลง
  • หลังจากที่เพิ่งเปิดบริษัทในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 บริษัท เอเนอร์จี โดมประกาศแผนนำร่องในปีที่แล้ว ว่าจะสร้างโรงงานแห่งแรกที่เกาะซาร์ดิเนียในอิตาลี และเปิดดำเนินการภายในปีนี้ และในที่สุดโรงงานในซาร์ดิเนียก็ถูกสร้างขึ้นตามกำหนดการ แม้ว่าโรงงานแห่งนี้จะมีขนาดเล็กพอสมควร เก็บพลังงานได้เพียง 4 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และจ่ายพลังงานได้สูงสุดราว 5 เมกะวัตต์ แต่บริษัทเอเนอร์จี โดมกล่าวว่า พวกเขาได้พิสูจน์แนวคิดนี้ว่าใช้งานได้จริง และโรงงานดังกล่าวยังถูกสร้างขึ้นโดยใช้อุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปในโลก แสดงให้เห็นว่า การเปิดโรงงานแบตเตอรี่คาร์บอนเช่นนี้ เป็นไปได้

ทั้งนี้เอเนอร์จี โดมมีการดำเนินการวางแผนสร้างโรงงานไปแล้วในอิตาลี เยอรมนี แอฟริกา และตะวันออกกลาง และยังกล่าวว่าจะสามารถเปิดดำเนินการโรงงานเต็มระบบขนาดใหญ่ ซึ่งกักเก็บพลังงานได้ 200 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และให้พลังงานสูงสุด 20 เมกะวัตต์ได้ก่อนสิ้นปี 2023 นอกจากนี้ เอเนอร์จี โดมกำลังจะย้ายไประดมทุนระดับ Series B เพื่อช่วยในการขยายขนาดธุรกิจต่อไป

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This