สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S21 จะยังคงใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic แต่จะมีความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 1.77 เท่า

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงไอที สำหรับครั้งนี้เราก็มีข่าสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S21 ที่หลายคนรอคอย และจะเปิดตัวในเดือนมกราคมปีหน้า จะได้รับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่ใหญ่และทำงานเร็วกว่าเดิม

รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเล้ยย

  • Twiiter @UniverseIce แหล่งข่าววงในด้านไอทีที่น่าเชื่อถือได้ออกมาเผยว่าสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S21 ยังคงใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic แต่จะมีความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 77 เท่า หรือ 77% เมื่อเทียบกับเรือธงก่อนหน้านี้
  • ความเร็วที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจาก Samsung Galaxy S21 ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็น 8 x 8 มิลลิเมตร ให้พื้นที่ในการสแกน 64 ตารางมิลลิเมตร ขณะที่เรือธงก่อนหน้านี้มีขนาดเซ็นเซอร์ 4 x 9 มิลลิเมตร ให้พื้นที่ในการสแกน 36 ตารางมิลลิเมตร

สเปคคาดการณ์ของ Samsung Galaxy S21

  • มาพร้อมจอแสดงผล LTPO ความละเอียด FHD+ ขนาด 2 – 6.3 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz
  • มีกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล และ กล้อง Telephoto 64 ล้านพิกเซล
  • ทำงานบนพื้นฐาน Android 11 สวมทับด้วย One UI 3.1
  • ใช้ชิปประมวลผล Exynos 2100 (มีเวอร์ชั่น Snapdragon 888 สำหรับบางประเทศ อย่างในสหรัฐอเมริกา, จีน)
  • ความจุแบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 25W
  • สนับสนุนการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.1

และนี่ก็คือข่าวล่าสุดของสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S21 ที่หลายคนรอคอย ทั้งนี้คาดว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตัวนี้จะได้รับการเปิดตัวทางการในวันที่ 14 มกราคม 2021ใครที่สนใจอยากได้ก็เตรียมตัวกันไว้ได้เลย

ที่มา

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This