กลุ่มสินค้าใหม่ที่อเมซอนเปิดตัวล่าสุดนั้นได้แก่แท็บเล็ตตระกูล Kindle Fire จำนวน 3 รุ่น แบ่งเป็น Kindle Fire HD จำนวน 2 รุ่นและ Kindle Fire รุ่น 7 นิ้วที่ปรับปรุงจากรุ่นดั้งเดิมซึ่งอเมซอนเริ่มจำหน่ายในสหรัฐฯตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรุ่นท็อปสุดนั้นมีหน้าจอขนาด 8.9 นิ้วสามารถแสดงภาพความละเอียดสูง รองรับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G LTE รุ่นนี้จำหน่ายในราคา 499 เหรียญหรือประมาณ 15,000 บาท ผู้สนใจสามารถซื้อบริการดาต้าแบบเหมาปีในราคา 49.99 เหรียญต่อปี (ราว 1,500 บาท) ราคา Kindle Fire HD รุ่นท็อปสุดที่อเมซอนเปิดตัวมานี้ถือว่าต่ำกว่า iPad ของแอปเปิลมาก โดย iPad ที่รองรับ 4G นั้นมีราคา 629 เหรียญโดยยังไม่รวมบริการดาต้า ราคาเริ่มต้นของรุ่น 8.9 นิ้วนั้นอยู่ที่ 299 เหรียญหรือประมาณ 9,000 บาท Kindle Fire HD อีกรุ่นนั้นมีหน้าจอ 7 นิ้ว (ราคา 199 เหรียญ) โดยรองรับการสัมผัสหน้าจอพร้อมกัน 10 จุดเช่นเดียวกับรุ่น 8.9 นิ้ว และมีกล้องดิจิตอลความละเอียดระดับ HD หน้าจอมีการพัฒนาจนทำให้สามารถชมภาพได้จากทุกมุมองศา โดยภาพที่ได้มีความคมชัด สีสด และลดแสงสะท้อนลงได้ 25% เช่นกัน สำหรับ Kindle Fire ดั้งเดิมนั้นถูกปรับคุณสมบัติใหม่และขนานนามว่า Kindle Fire เช่นเดิม โดยแม้จะเปลี่ยนแปลงหน่วยประมวลผลเป็นชิปดูอัลคอร์และเพิ่มแรมเป็น 1GB แต่อเมซอนก็ปรับลดราคาจำหน่ายลงเหลือ 159 เหรียญ (4,700 บาท) กำหนดการวางจำหน่าย 14 กันยายน 2012 ไม่เพียง Kindle Fire HD อเมซอนยังเปิดเครื่องอ่านอีบุ๊กพันธุ์ใหม่ราคาเริ่มต้น 119 เหรียญสหรัฐในชื่อ Kindle Paperwhite จุดเด่นคือหน้าจอที่คมชัดกว่าเดิม และยังมีแสงส่องสว่างในตัวเพื่อให้ผู้ใช้อ่านได้บนเตียงโดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมเตียง ที่สำคัญ ยังมีเทคโนโลยีอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับได้ว่าผู้ใช้อ่านหนังสือด้วยความเร็วเท่าใด พร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดที่อเมซอนการันตีว่าผู้ใช้สามารถอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ต่อเนื่อง 2 เดือนโดยที่ยังเปิดไฟอยู่ (ผู้ใช้ไม่สามารถปิดไฟได้) Kindle Paperwhite รุ่นรองรับ 3G สนนราคา 179 เหรียญ พร้อมจัดส่งอย่างเป็นทางการ 1 ตุลาคมนี้ ก้าวใหม่ของอเมซอนนี้เกิดขึ้นหลังคู่แข่งอย่าง Barnes & Noble ที่เริ่มจำหน่ายอีบุ๊กส่องสว่างในตัวมาก่อนด้วยชื่อ Nook with GlowLight เช่นเดียวกับคู่แข่งอีกรายอย่าง Kobo ที่เปิดตัวอีรีดเดอร์ส่องสว่างในตัวเช่นกัน **มองเครื่องเป็นบริการ** อเมซอนระบุว่ายังคงยืดเป้าหมายให้ผู้บริโภคซื้อคอนเทนต์จากร้านออนไลน์สโตร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่อเมซอนยืดมั่นมาตลอด โดยอเมซอนยังคงกลยุทธ์ลดราคาจำหน่ายเครื่องลงเพื่อจูงใจให้ผู้ใช้สนใจเครื่องของอเมซอน ก่อนจะหลงมนต์สะกดของเครื่องอ่านอีบุ๊กและแท็บเล็ตค่ายอื่น เจฟ เบโซส ซีอีโออเมซอนระบุว่าต้องการให้อุปกรณ์ตระกูล Kindle เป็นเหมือนบริการจากบริษัท ไม่ใช่สินค้าแก็ดเจ็ดทั่วไป โดย Kindle เป็นเสมือนสิ่งเติมเต็มระบบนิเวศทางเศรษฐกิจให้ธุรกิจคอนเทนต์ของบริษัท ซึ่งการจะทำให้คอนเทนต์ของอเมซอนให้บริการได้ดีนั้น ผู้ใช้จำเป็นต้องมีระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี อุปกรณ์ที่มีหน่วยประมวลผลยอดเยี่ยม รวมถึงหน้าจอคมชัดซึ่งพร้อมถ่ายทอดภาพกราฟฟิกได้อย่างถึงใจ ซึ่งความสามารถทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญของบริการ แม้จะเป็นคุณสมบัติของอุปกรณ์ก็ตาม ซีอีโออเมซอนย้ำด้วยว่าแท็บเล็ต Kindle จะให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไม่เหมือนกับอุปกรณ์แอนดรอยด์อื่นๆ โดยไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคาดหวังของอเมซอนในการแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นในตลาดแท็บเล็ตโดยเฉพาะแอปเปิล อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนทั่วโลกเชื่อว่าการเปิดตัวแท็บเล็ตราคาประหยัดของอเมซอนครั้งนี้จะเป็นแรงกดดันแอปเปิล ให้ตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าเดิมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนใจของผู้บริโภคที่อาจหันไปหาสินค้าราคาถูกกว่า การตั้งราคาแท็บเล็ตรุ่นเล็กของอเมซอนที่ 159 เหรียญ เทียบกับอุปกรณ์ของแอปเปิลที่เคยตั้งไว้ 499 เหรียญนั้นสะท้อนว่าอเมซอนไม่หวังสร้างกำไรจากยอดจำหน่ายแท็บเล็ต แต่มุ่งหวังยอดจำหน่ายคอนเทนต์ออนไลน์ทั้งหนังสืออีบุ๊ก เพลง เกม และวิดีโอแทน โดยปัจจุบัน คลังคอนเทนต์ของอเมซอนประกอบด้วยภาพยนตร์และรายการทีวีมากกว่า 120,000 ตอน และหนังสือเสียงหรือ audio book มากกว่า 100,000 เล่ม