ในขณะที่ประเทศต่างๆทั่วโลก มุ่งมั่นเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับโควิด 19 เพื่อให้ประชาชน ได้มีความรู้ในด้านการป้องกันตัว จากโรคระบาด โควิด 19
แต่ ในประเทศเติร์กเมนิสถาน ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศเผด็จการมากที่สุดในโลก รองจากประเทศเกาหลีเหนือ ปกครองโดย ประธานาธิบดี นายกูร์บังกูลี เบร์ดีมุคาเมดอฟ
กลับทำสิ่งที่สวนกระแส ทั่วโลก โดยมีการสั่งห้าม มีการเผยแพร่ข่าวต่างๆเกี่ยวกับโควิด 19
มีแต่บุคคลที่มีสถานะพิเศษทางสังคมเท่านั้น ที่จะได้รับข่าวสาร แต่สำหรับประชาชนทั่วไป
ทางองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Sans Frontières) ได้รายงานข่าวว่า ถ้ามีการพูดถึง เรื่อง ไวรัสโควิด 19 จะถูกดำเนินคดี และ ถูกนำเข้าคุกได้
และช่วงเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ออกคำเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน “ฝุ่นละออง” และเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1 เมตร โดยไม่มีคำอธิบายเหตุผลว่า เกี่ยวข้องกับการป้องกันไวรัส โควิด19หรือไม่ และทางรัฐบาลยังได้มีการอวดอ้างว่า ประเทศ เติร์กเมนิสถาน ยีงไม่มีคนติดไวรัส โควิด19 แม้แต่คนเดียว
มีหลายคนถกเถียงกันว่า ระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย์ กับ ระบอบเผด็จการระบอบไหนที่ดีกว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเสีย ของระบอบเผด็จการคือ รัฐบาลสามารถปิดบังข่าว ปิดบังความจริงที่เป็นผลเสียต่อประเทศ ห้ามไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสาร
ต่างจากระบอบประชาธิปไตย์ ที่อำนาจเป็นของประชาชน รัฐบาลต้องนำเสนอข่าวสารทุกอย่าง ให้ประชาชนเจ้าของประเทศ ให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสารตามความเป็นจริง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.sanook.com/news/8068370/
https://www.thaipost.net/main/detail/71372