GMM GRAMMY ประกาศลบ MV ออกจาก Youtube อย่างเป็นทางการ

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

Gmm Remove mv on youtube เมื่อ 9 สิงหาคม 2555 นายกริช ทอมมัส  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจเพลง) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด มหาชน ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงสาเหตุที่ทางแกรมมี่ ตัดสินใจที่จะถอด MV ของค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ( GMM GRAMMY ) ออกจาก Youtube โดยทางแกรมมี่จะงดอัพโหลดเฉพาะในส่วนของ Music Video แบบเต็มเพลงเท่านั้นที่จะไม่อัพขึ้น youtube  ขณะที่เนื้อหาอื่นๆ เช่นสปอตโฆษณา ตัวอย่าง MV สั้นๆ ก็ยังสามารถหาชมได้ผ่านทาง Youtube ตามปกติ สาเหตุถึงการตัดสินใจถอด MV ออกจาก Youtubeในครั้งนี้ เนื่องจากพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการดาวน์โหลดMusic Video ไปใช้อย่างผิดกฎหมาย  ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเพลง โดยการตัดสินใจครังนี้เป็นแนวทางเดียวกันกับค่ายเพลงทั่วโลก เพื่อปกป้องธุรกิจเพลงและอาชีพของคนทำเพลงต่อไป และด้วยช่องทาง Advertising Supported เช่น  Youtube และ VEVO  รายได้นั้นมาจากการโฆษณา โดยคำนึงถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ หากดูตามตารางแล้ว ไทยยังไม่เปิดธุรกิจกับ Youtube เพราะเกิดปัญหาข้อกฎหมายทางไอซีทีของไทย  ส่วน Model ของ Youtube รายได้มาจากขายโฆษณาพื้นที่ แต่ปัญหาที่เจอในด้านเทคโนโลยี คือเพลง และ MV อยู่บนมือถือสมาร์ทโฟนแล้ว จะมีใครจ่ายตังค์ให้กับรายได้คนทำงานเพลง ? โดยการถอด MV ออกจาก Youtube นี้ อยู่ในขั้นการทดลอง เพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ทาง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อยู่ในระหว่างเจรจากับทาง Youtube โดยตรง เพื่อหาทางที่เหมาะสมในการทำธุรกิจเพลงในระยะยาว โดยทาง Youtube เองก็เข้าใจดีถึงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในไทย และติดปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมาย ที่ยังไม่สามารถเปิด Youtube Thailand ได้ ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางที่เหมาะสมในเร็วๆนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการชม MV ของค่าย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่  สามารถชมได้ผ่านทางเว็บ www.gmember.com ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ และใกล้เคียงกับ VEVO รองรับผู้ชมได้วินาทีละ 10000 คน โดยคุณภาพของภาพและเสียงระดับเดียวกันกับ Youtube สามารถแชร์เพลงขึ้น facebook , twitter ได้สะดวก และพร้อมที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กำลังอยู่ในขั้นตอนการหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาร่วมพัฒนาระบบเว็บไซต์ เพื่อให้แฟนเพลงได้รับความสะดวกในการชม Music Video เหมือนเดิม โดยหากได้แนวทางที่เหมาะสม คาดว่าจะส่งผลให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่จะมีรายได้จากโฆษณาเข้ามาทดแทนในอนาคต แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าวิธีดังกล่าวไม่สามารถป้องกันปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้ ตราบใดที่ผู้บริโภคบางส่วน ยังไม่มีจิตสำนึกเคารพทรัพย์สินทางปัญญา “ทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ขออภัยทุกท่านที่อาจมีความลำบากในการค้นหา MV เพลงในช่วงนี้ แต่คงไม่ลำบากเกินกว่าคนที่มีเจตนาจะส่งเสริมดูแลผู้ประกอบอาชีพเพลง ให้คงอยู่ในธุรกิจต่อไปได้ ถ้าแฟนเพลงเมตตาเคารพรักธุรกิจเพลง คนแต่งเพลง คนทำเพลง ยอมลำบากนิดนึง เพื่อช่วยให้คนแต่งเพลง ธุรกิจเพลง ศิลปินที่คุณชอบอยู่รอด  แต่ถ้าอ้างเป็นแฟนเพลงแล้ว ไม่ช่วยเราแล้ว  มันก็ไม่เกื้อกูลกัน ”  นายกริช ทอมมัส กล่าว นอกจากนี้ทางแกรมมี่ได้ให้ข้อมูล ในประเด็นเรื่อง The End ILLEGAL DOWNLOADING  จากนิตยสารต่างประเทศ NME Magazine – หนึ่งในปัญหาของการดาวน์โหลดเพลงที่ผิดกฎหมายคือ Search Engine (เช่น Google เป็นต้น)  และระบบจัดอันดับในเว็บไซต์ ในหน้าค้นหา อยู่อันดับต้นๆหรือบนสุด ซึ่งส่งผลให้เว็บไซต์ดาวน์โหลดฟรีที่ผิดกฎหมาย เช่น Bittorret และ 4Shared อยู่เหนือเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้คนนิยมดาวน์โหลดจากเว็บปลอมมากกว่า เว็บถูกกฎหมายซึ่งเป็นเจ้าของผลงานเพลง – สมาคมบริษัทแผ่นเสียงของอังกฤษ ได้ให้คำแนะนำว่า Google ควรที่จะปรับหรุงระบบอัลกอลิทึม เพื่อที่เว็บไซต์ที่ค้าเพลงที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะได้มาอยู่ลำดับต้นๆของหน้าผลลัพธ์ค้นหา – Digital Fingerprint และเทคโนโลยีอืนๆ ได้ถูกคิดค้นเพื่อช่วยให้ไฟล์เพลงที่ถูกต้องตามกฎหมายถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น แต่ระบบนี้ก็ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก – เงินที่ธุรกิจเพลง สูญเสียให้กับการละเมิดลิขสิทธิ์ในแต่ละปี มากถึง 12.5 พันล้านปอนด์ – 95% ของเพลงที่ถูกดาวน์โหลดออนไลน์ เป็นไฟล์ที่ผิดกฎหมาย – 22% ของการใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วโลก ถูกใช้เพื่อการดาวน์โหลดละเมิดลิขสิทธิ์ แหล่งข้อมูล รูปภาพ : http://www.bangkokpost.com/media/content/20120810/415186.jpg เนื้อหา : http://www.it24hrs.com/2012/why-gmm-grammy-cancel-upload-mv-to-youtube-thailand/  

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This