 กูเกิล (Google)  ประกาศโละบริการนับสิบพร้อมจัดระเบียบกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่  เตรียมเทความสนใจให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำเงินแก่บริษัทอย่างจริงจังกว่าเดิม  ระบุการปิดบริการของกูเกิลจะดำเนินการต่อเนื่องตลอด 2-3 เดือนนับจากนี้  โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามทิศทางที่ซีอีโอ “แลร์รี เพจ” มอง  เพื่อให้กูเกิลสามารถอุทิศทรัพยากรแก่ผลิตภัณฑ์อนาคตไกลให้เต็มที่มากขึ้น  อลัน อุสเทซ (Alan Eustace) รองประธานอาวุโสกูเกิล  กล่าวถึงการปิดบริการนับสิบของกูเกิลที่เกิดขึ้นว่าเป็นการ “fall  spring-clean” หรือการจัดระเบียบผลิตภัณฑ์และบริการของกูเกิลช่วงไตรมาส 3  ของปี  ซึ่งการจัดระเบียบที่เกิดขึ้นจะเป็นการพิจารณาปลดระวางบริการบางส่วนที่ไม่ ประสบความสำเร็จ  รวมถึงการดึงหลายบริการมาจัดกลุ่มใหม่และผสมผสานส่งเสริมกันเพื่อให้เกิด เป็นบริการใหม่ที่จะมีอิทธิพลมากกว่าเดิม  “ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า  กูเกิลจะหยุดให้บริการบางผลิตภัณฑ์  และจะรวมบางผลิตภัณฑ์ไปเป็นคุณสมบัติใหม่ในบริการที่มีอยู่แล้ว  การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ใช้กูเกิลทำงานได้ง่ายขึ้น  และยกระดับประสบการณ์โดยรวมของกูเกิลเอง”  กูเกิลระบุในบล็อกบริษัทว่า  การตัดสินใจปิดบริการครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้น  และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป  ทั้งหมดนี้ทำให้บริการบางอย่างไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้ การจัดระเบียบ  fall spring-clean  ยังแปลว่ากูเกิลจะอุทิศทรัพยากรไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลต่อตลาดสูงได้มาก ขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตชาวเน็ตหลายพันล้านคนดีขึ้นตามไปด้วย  บริการที่กูเกิลระบุว่าจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อื่น คือ FastFlip  บริการที่ทำให้ผู้อ่านข่าวในบริการ Google News  สามารถพลิกหน้าอ่านข่าวออนไลน์หลายสำนักพิมพ์ได้จากหน้าเพจเดียว  โดยกูเกิลแถลงว่า Fast Flip แสดงให้เห็นตลอดการให้บริการช่วง 2  ปีที่ผ่านมาว่าทำให้ผู้ใช้สามารถชมคอนเทนต์ได้เร็วขึ้น ทำให้กูเกิลจะนำ  Fast Flip มาติดในเครื่องมือนำส่งข้อมูลและแสดงหน้าจออื่นๆ ของกูเกิลต่อไป  นอกจาก Fast Flip บริการที่กูเกิลจะนำไปต่อยอดในชื่อบริการอื่น คือ Aardvark  บริการถาม-ตอบปัญหาส่วนตัวทางเว็บไซต์ Vark.com, ข้อความสนทนา (instant  messaging), อีเมล หรือทวิตเตอร์ซึ่งกูเกิลซื้อมาในราคา 50  ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2010 โดยวิศวกรทั้งฝ่ายกูเกิล และ  Aardvark ระบุว่าแม้จะปิดบริการ  แต่ทั้งหมดจะยังพัฒนาความเชี่ยวชาญในการให้บริการต่อไป เนื่องจากคาดว่า  Aardvark  จะสามารถเป็นบริการค้นหาข้อมูลทางสังคมแนวใหม่ซึ่งจะมีอิทธิพลในช่วง 2-3  ปีข้างหน้า และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อให้บริการร่วมกับเครือข่ายสังคม  Google+  อีก 8  บริการที่กูเกิลจะปิดตัวลงนั้นได้แก่ Google Pack ชุดแอปฯ  ที่กูเกิลจัดเตรียมมาอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ดาวน์โหลดได้ง่าย ขึ้น บริการดังกล่าวถูกมองว่าหมดยุคเพราะปัจจุบันชาวเน็ตนิยมใช้งานแอปฯบนเว็บไซต์ แทนที่จะดาวน์โหลดมาติดตั้งในเครื่อง, Google Web Security บริการตรวจจับซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งกูเกิลซื้อกิจการมาเมื่อปี 2007 กู เกิลระบุว่าจะยังสนับสนุนลูกค้าเก่าต่อไป  และจะนำเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยนี้มาติดในผลิตภัณฑ์เว็บเบราว์เซอร์ของ บริษัทอย่าง Chrome ต่อเนื่อง  ยังมีบริการติดคำอธิบายภาพ  (Tag) ในชื่อ Image Labeler ซึ่งกูเกิลเปิดให้ชาวออนไลน์ร่วมกันแข่งขันติด  Tag ให้รูปภาพเพื่อให้ระบบค้นหาของกูเกิลสามารถวิเคราะห์ภาพได้ดีกว่าเดิม,  บริการ Notebook  บริการสมุดบันทึกออนไลน์ที่กูเกิลประกาศหยุดพัฒนามาตั้งแต่ปี 2009  โดยข้อมูลจะถูกย้ายไปเก็บที่บริการ Google Docs แบบอัตโนมัติ, บริการ  Sidewiki คุณสมบัติหนึ่งของ Google Toolbar  ที่ให้ชาวเน็ตสามารถแสดงความเห็นถึงหน้าเว็บไซต์ และ Subscribed Links  คุณสมบัติหนึ่งของ Google Search  ที่ช่วยให้นักเสิร์ชสามารถสร้างเงื่อนไขการค้นหาที่เจาะจงและบันทึกไว้อ่าน แบบออฟไลน์ได้  ที่สำคัญคือ Google Desktop  บริการซอฟต์แวร์ค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้  กูเกิลระบุว่าระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล้วนมีคุณสมบัติค้นหาประสิทธิภาพสูงติด อยู่ ทำให้ความจำเป็นในการใช้ Google Desktop ลดลงเรื่อยๆ  กูเกิลจึงตัดสินใจหยุดให้บริการวันที่ 14 กันยายนนี้  รวมถึงบริการเครื่องมือสำหรับการเขียนโปรแกรมอย่าง Google Maps API for  Flash ซึ่งหมดความนิยมใช้งานแล้วในขณะนี้  ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายที่ซีอีโอเพจแถลงไว้ในวันแถลงผลประกอบ การไตรมาส 3 ของกูเกิล ว่าผลิตภัณฑ์ของกูเกิลจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก  ที่พนักงานกูเกิลทั่วโลกกว่า 28,000 คนจะร่วมกันผลักดันจริงจังต่อไป  “กลุ่มแรกคือ ผลิตภัณฑ์ค้นหาข้อมูลและโฆษณา  ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้หลักให้กูเกิล  ต่อมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงคอนซูเมอร์ได้มาก เช่น YouTube,  Android และ Chrome นอกนั้นเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Google+, Commerce  และ Local” ซึ่งกลุ่มหลังเป็นไปตามข่าวการเริ่มทดสอบบริการเครือข่ายสังคม  การซื้อกิจการจำหน่ายดีลออนไลน์  รวมถึงการพัฒนากลุ่มธุรกิจเพื่อเข้าถึงร้านค้าในท้องถิ่น  Company Related Link : Google
  กูเกิล (Google)  ประกาศโละบริการนับสิบพร้อมจัดระเบียบกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่  เตรียมเทความสนใจให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำเงินแก่บริษัทอย่างจริงจังกว่าเดิม  ระบุการปิดบริการของกูเกิลจะดำเนินการต่อเนื่องตลอด 2-3 เดือนนับจากนี้  โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามทิศทางที่ซีอีโอ “แลร์รี เพจ” มอง  เพื่อให้กูเกิลสามารถอุทิศทรัพยากรแก่ผลิตภัณฑ์อนาคตไกลให้เต็มที่มากขึ้น  อลัน อุสเทซ (Alan Eustace) รองประธานอาวุโสกูเกิล  กล่าวถึงการปิดบริการนับสิบของกูเกิลที่เกิดขึ้นว่าเป็นการ “fall  spring-clean” หรือการจัดระเบียบผลิตภัณฑ์และบริการของกูเกิลช่วงไตรมาส 3  ของปี  ซึ่งการจัดระเบียบที่เกิดขึ้นจะเป็นการพิจารณาปลดระวางบริการบางส่วนที่ไม่ ประสบความสำเร็จ  รวมถึงการดึงหลายบริการมาจัดกลุ่มใหม่และผสมผสานส่งเสริมกันเพื่อให้เกิด เป็นบริการใหม่ที่จะมีอิทธิพลมากกว่าเดิม  “ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า  กูเกิลจะหยุดให้บริการบางผลิตภัณฑ์  และจะรวมบางผลิตภัณฑ์ไปเป็นคุณสมบัติใหม่ในบริการที่มีอยู่แล้ว  การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ใช้กูเกิลทำงานได้ง่ายขึ้น  และยกระดับประสบการณ์โดยรวมของกูเกิลเอง”  กูเกิลระบุในบล็อกบริษัทว่า  การตัดสินใจปิดบริการครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้น  และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป  ทั้งหมดนี้ทำให้บริการบางอย่างไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้ การจัดระเบียบ  fall spring-clean  ยังแปลว่ากูเกิลจะอุทิศทรัพยากรไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลต่อตลาดสูงได้มาก ขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตชาวเน็ตหลายพันล้านคนดีขึ้นตามไปด้วย  บริการที่กูเกิลระบุว่าจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อื่น คือ FastFlip  บริการที่ทำให้ผู้อ่านข่าวในบริการ Google News  สามารถพลิกหน้าอ่านข่าวออนไลน์หลายสำนักพิมพ์ได้จากหน้าเพจเดียว  โดยกูเกิลแถลงว่า Fast Flip แสดงให้เห็นตลอดการให้บริการช่วง 2  ปีที่ผ่านมาว่าทำให้ผู้ใช้สามารถชมคอนเทนต์ได้เร็วขึ้น ทำให้กูเกิลจะนำ  Fast Flip มาติดในเครื่องมือนำส่งข้อมูลและแสดงหน้าจออื่นๆ ของกูเกิลต่อไป  นอกจาก Fast Flip บริการที่กูเกิลจะนำไปต่อยอดในชื่อบริการอื่น คือ Aardvark  บริการถาม-ตอบปัญหาส่วนตัวทางเว็บไซต์ Vark.com, ข้อความสนทนา (instant  messaging), อีเมล หรือทวิตเตอร์ซึ่งกูเกิลซื้อมาในราคา 50  ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2010 โดยวิศวกรทั้งฝ่ายกูเกิล และ  Aardvark ระบุว่าแม้จะปิดบริการ  แต่ทั้งหมดจะยังพัฒนาความเชี่ยวชาญในการให้บริการต่อไป เนื่องจากคาดว่า  Aardvark  จะสามารถเป็นบริการค้นหาข้อมูลทางสังคมแนวใหม่ซึ่งจะมีอิทธิพลในช่วง 2-3  ปีข้างหน้า และกำลังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อให้บริการร่วมกับเครือข่ายสังคม  Google+  อีก 8  บริการที่กูเกิลจะปิดตัวลงนั้นได้แก่ Google Pack ชุดแอปฯ  ที่กูเกิลจัดเตรียมมาอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ดาวน์โหลดได้ง่าย ขึ้น บริการดังกล่าวถูกมองว่าหมดยุคเพราะปัจจุบันชาวเน็ตนิยมใช้งานแอปฯบนเว็บไซต์ แทนที่จะดาวน์โหลดมาติดตั้งในเครื่อง, Google Web Security บริการตรวจจับซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งกูเกิลซื้อกิจการมาเมื่อปี 2007 กู เกิลระบุว่าจะยังสนับสนุนลูกค้าเก่าต่อไป  และจะนำเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยนี้มาติดในผลิตภัณฑ์เว็บเบราว์เซอร์ของ บริษัทอย่าง Chrome ต่อเนื่อง  ยังมีบริการติดคำอธิบายภาพ  (Tag) ในชื่อ Image Labeler ซึ่งกูเกิลเปิดให้ชาวออนไลน์ร่วมกันแข่งขันติด  Tag ให้รูปภาพเพื่อให้ระบบค้นหาของกูเกิลสามารถวิเคราะห์ภาพได้ดีกว่าเดิม,  บริการ Notebook  บริการสมุดบันทึกออนไลน์ที่กูเกิลประกาศหยุดพัฒนามาตั้งแต่ปี 2009  โดยข้อมูลจะถูกย้ายไปเก็บที่บริการ Google Docs แบบอัตโนมัติ, บริการ  Sidewiki คุณสมบัติหนึ่งของ Google Toolbar  ที่ให้ชาวเน็ตสามารถแสดงความเห็นถึงหน้าเว็บไซต์ และ Subscribed Links  คุณสมบัติหนึ่งของ Google Search  ที่ช่วยให้นักเสิร์ชสามารถสร้างเงื่อนไขการค้นหาที่เจาะจงและบันทึกไว้อ่าน แบบออฟไลน์ได้  ที่สำคัญคือ Google Desktop  บริการซอฟต์แวร์ค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้  กูเกิลระบุว่าระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล้วนมีคุณสมบัติค้นหาประสิทธิภาพสูงติด อยู่ ทำให้ความจำเป็นในการใช้ Google Desktop ลดลงเรื่อยๆ  กูเกิลจึงตัดสินใจหยุดให้บริการวันที่ 14 กันยายนนี้  รวมถึงบริการเครื่องมือสำหรับการเขียนโปรแกรมอย่าง Google Maps API for  Flash ซึ่งหมดความนิยมใช้งานแล้วในขณะนี้  ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบายที่ซีอีโอเพจแถลงไว้ในวันแถลงผลประกอบ การไตรมาส 3 ของกูเกิล ว่าผลิตภัณฑ์ของกูเกิลจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก  ที่พนักงานกูเกิลทั่วโลกกว่า 28,000 คนจะร่วมกันผลักดันจริงจังต่อไป  “กลุ่มแรกคือ ผลิตภัณฑ์ค้นหาข้อมูลและโฆษณา  ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้หลักให้กูเกิล  ต่อมาคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงคอนซูเมอร์ได้มาก เช่น YouTube,  Android และ Chrome นอกนั้นเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Google+, Commerce  และ Local” ซึ่งกลุ่มหลังเป็นไปตามข่าวการเริ่มทดสอบบริการเครือข่ายสังคม  การซื้อกิจการจำหน่ายดีลออนไลน์  รวมถึงการพัฒนากลุ่มธุรกิจเพื่อเข้าถึงร้านค้าในท้องถิ่น  Company Related Link : Google




