HUAWEI ฝันไว้สูงว่าจะขายรถยนต์อัจฉริยะ AITO M5 ของค่ายให้ได้ 300,000 คัน ภายในปี

Must Read

สวัสดีคอยานยนต์ทางเลือกใหม่ทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะแจ้งให้คุณได้ทราบว่า HUAWEI คาดว่าจะสามารถขาย AITO M5 รถยนต์อัจฉริยะได้ 300,000 คัน ภายในปี 2022

รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามหาคำตอบได้ที่ด้านล่างนี้เลย

  • HUAWEI กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ดำเนินธุรกิจตลาดยานยนต์อย่างทางการแล้ว หลังจากเปิดตัว AITO M5 รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดระดับพรีเมียมรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS โดยร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ Seres
  • โดย Seres รับหน้าที่ในการการผลิตและประกอบรถยนต์ ขณะที่ HUAWEI เข้ามาช่วยในการออกแบบภายนอกของรถยนต์ และความสะดวกสบายภายใน รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการตลาด
  • Richard Yu ซีอีโอของ Huawei Consumer Business Group ย้ำว่าบริษัทฯ ยังไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์ แต่ต้องการมอบความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและการออกแบบเทรนด์ให้กับ Seres ผู้ผลิตรถยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

HUAWEI เปิดเผยว่ามี 3 เหตุผลสำคัญในการร่วมทุนกับผู้ผลิตรถยนต์ ได้แก่

  • การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้รายได้จากธุรกิจมือถือของ HUAWEI ลดลง
  • ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคต้องการซื้อทุกอย่างได้จากร้านค้าปลีกแห่งเดียว ประกอบกับ HUAWEI มีเครือข่ายการค้าปลีกทั่วประเทศ จึงช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถประหยัดค่าเช่าร้าน รวมถึงทรัพยากรบุคคล และค่าใช้จ่ายในการทำตลาด
  • การร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ ช่วยเร่งการนำระบบนิเวศ IoT อัจฉริยะของ HUAWEI มาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ อย่างเช่นรถยนต์ AITO M5 ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS

ทั้งนี้ นาย Richard Yu คาดว่าภายในปี 2022 จะสามารถขายรถยนต์อัจฉริยะ AITO M5 ได้ 300,000 คัน โดยตั้งเป้าว่าจะใช้ร้านค้าปลีกในเครือที่มีอยู่ทั่วประเทศจีน 1,000 แห่ง ให้แต่ละแห่งขายรถยนต์อัจฉริยะได้ 30 คันต่อเดือน ก็จะสามารถขายรถยนต์ได้อย่างน้อย 30,000 คันในหนึ่งเดือน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 300,000 คัน ภายใน 10 เดือน ซึ่งมันจะเป็นไปได้ตามที่เขาได้คาดไว้หรือไม่ เราก็คงต้องติดตามกันต่อไป

ที่มา

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This