Hyundai ทุ่ม 1.7 แสนล้านบาท เล็งพัฒนายานยนต์ไร้คนขับและเทคโนโลยี AI ในสหรัฐฯ

Must Read

สวัสดีคอยานยนต์ทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุด Hyundai ทุ่ม 1.7 แสนล้านบาท เล็งพัฒนายานยนต์ไร้คนขับและเทคโนโลยี AI ในสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย

 สรุปข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Hyundai ได้ดังนี้

  • ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้ผลิตหลายรายต่างพัฒนาเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองให้โดดเด่นในด้านต่าง ๆ มาแข่งขันกันไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันในด้านระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง, เทคโนโลยีกล้องตรวจจับวัตถุต่าง ๆ บนท้องถนน หรือความเสถียรของแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับรถยนต์ในการแจ้งสถานะต่าง ๆ
  • แต่เทคโนโลยีที่กำลังน่าจับตามองไม่แพ้กันในรถยนต์ไฟฟ้าอีกอย่างหนึ่งก็คือ “เทคโนโลยีขับขี่อัติโนมัติ” ซึ่งหากจะพูดถึงเทคโนโลยีนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า Tesla เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อยู่
  • แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ผลิตรายอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุด Hyundai ค่ายรถยนต์ชั้นนำจากเกาหลีใต้ ได้ประกาศแผนลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 171,300 ล้านบาท)
  • เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมไปถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ และเทคโนโลยี AI ที่สหรัฐอเมริกา ภายในปี 2025
  • โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน Hyundai เพิ่งจะประกาศทุ่มทุนกว่า 5,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 189,700 ล้านบาท) เพื่อสร้างฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ เช่นกัน
  • การที่ Hyundai ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Hyundai ในการรุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่จะกลายเป็นเทรนด์หลักในอนาคต
  • โดย Hyundai ยังได้เผยอีกว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งให้กับ Hyundai ได้อย่างดีในการแข่งขันระยะยาว และตั้งเป้าจะเป็น Top 3 ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ภายในปี 2026 อีกด้วย
  • เป็นที่น่าสนใจว่าการลงทุนในครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ต้องการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา และถึงแม้นโยบายดังกล่าวจะดูคล้ายเป็นการเชิญชวนให้คู่แข่งจากต่างประเทศเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ​ แต่จริง ๆ แล้วเป็นกลยุทธ์ที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายมากกว่า
  • เพราะ ณ ปัจจุบัน มีไม่กี่ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เช่น สถานีชาร์จแบตฯ และศูนย์บริการต่าง ๆ พร้อมได้แบบสหรัฐฯ
  • Hyundai ที่เข้ามาลงทุนก่อนก็จะได้โอกาสเข้าถึงตลาดของผู้บริโภคชาวอเมริกันก่อน อีกทั้งยังได้ฐานลูกค้าและโอกาสในการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากผู้ใช้จริงอีกด้วย
  • ทางด้านสหรัฐฯ ยังก็ยังได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่บริษัทจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเพราะไม่ว่าจะเป็นการขนส่งอะไหล่ รวมไปถึงแบตเตอรี่ต่าง ๆ จะถูกลงมากส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ จะได้เปรียบทางด้านต้นทุนเมื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ
  • เพราะอย่าลืมว่าการจะผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นจริงได้ ปัจจัยหลัก ๆ ก็คือ “แบตเตอรี่” และปัจจุบันผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลก ยังคงเป็นประเทศคู่แข่งอย่างจีน

ดังนั้นการที่สหรัฐฯ ให้บริษัทจากต่างประเทศมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็คงไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร แถมยังได้ลดการพึ่งพาการขนส่งอะไหล่, แบตเตอรี่ รวมถึงระบบซัพพลายเชน จากประเทศจีนอีกด้วย

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This