IBM สนใจซื้อกิจการธุรกิจของ RIM และอาจจะเข้าซื้อ RIM ในบางส่วน

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

IBM ซื้อ RIM สื่อนอกตีข่าวยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) กำลังสนใจซื้อกิจการธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรของริม (RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี หรือบีบี ระบุมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองบริษัทจะบรรลุข้อตกลงในการซื้อขายเฉพาะแผนกงานองค์กร ขณะที่แผนกผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รียังเงียบ เพราะล่าสุดซัมซุงออกมาปฏิเสธว่าบริษัทไม่คิดซื้อกิจการริม หรือการขอซื้อสิทธิใช้ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รีเท็น (BB10) ของริมตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวนิรนาม ระบุว่าไอบีเอ็มกำลังแสดงความสนใจซื้อแผนกให้บริการลูกค้าองค์กรของริม (Research In Motion : RIM) ซึ่งจะครอบคลุมระบบเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับบริการรับส่งข้อความ BIS และ BES ทั้งหมดรวมถึงระบบเข้ารหัสข้อมูล โดยย้ำว่าไอบีเอ็มได้ยื่นข้อเสนออย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ดีลนี้จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น แผนกที่ตกเป็นข่าวว่าไอบีเอ็มให้ความสนใจนั้นถือเป็นหน่วยงานหลักของริม แผนกนี้จะดูแลเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์รักษาความปลอดภัยซึ่งใช้ในการสนับสนุนอุปกรณ์แบล็กเบอร์รี โดยแผนกนี้เองที่ทำให้แบล็กเบอร์รียังเป็นสมาร์ทโฟนในดวงใจขององค์กรที่ต้องการให้พนักงานสามารถส่งข้อความถึงกันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลักลอบสอดแนมข้อมูล และเป็นจุดแข็งที่ไม่มีในบริการรับส่งข้อความบนสมาร์ทโฟนอื่นๆ นักวิเคราะห์มองว่าข่าวลือนี้มีน้ำหนัก เพราะที่ผ่านมาไอบีเอ็มเป็นบริษัทที่มีทิศทางดำเนินงานโดยมุ่งเป้าหมายที่กลุ่มลูกค้าองค์กรบริษัทมาตลอด การซื้อแผนกงานรักษาความปลอดภัยเครือข่ายรับส่งข้อมูลของริมจึงจะสามารถเป็นเครื่องมือเสริมแกร่งบริการอื่นๆ ที่ไอบีเอ็มมีอยู่ อย่างไรก็ตาม แผนกงานลูกค้าองค์กรนั้นถูกมองว่าเป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดสำหรับริมในขณะนี้ ซึ่งทำให้นักสังเกตการณ์ไม่สามารถฟันธงว่าริมจะปฏิเสธหรือตอบรับข้อเสนอที่เกิดขึ้น ในขณะที่ไอบีเอ็มและริมยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ ซัมซุง (Samsung) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาซื้อธุรกิจผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี รวมถึงการนำระบบปฏิบัติการรุ่นหน้าของริมมาติดตั้งในสมาร์ทโฟนซัมซุง โดยย้ำว่าบริษัทไม่มีแผนดำเนินการตามข่าวลือดังกล่าว ซึ่งเป็นข่าวลือที่ทำให้มูลค่าหุ้นของริมดีดตัวขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะรายงานการวิเคราะห์ตลาดสมาร์ทโฟนโลกของปีเตอร์ ไมเซค (Peter Misek) นักวิเคราะห์ของบริษัทเจฟเฟอรีส์ (Jefferies) ซึ่งระบุว่าริมกำลังพิจารณาข้อตกลงในการให้สิทธินำระบบปฏิบัติการ BB10 มาติดตั้งในอุปกรณ์ซัมซุง ขณะเดียวกัน รายงานจากเว็บไซต์ใหญ่อย่าง All Things Digital ยังรายงานว่าซัมซุงกำลังพิจารณาซื้อสายการผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี ซึ่งล่าสุดซัมซุงปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เป็นความจริงทั้งสองข่าว ก่อนหน้านี้ ข่าวลือทั้งสองข่าวล้วนถูกมองว่าเป็นข่าวที่มีน้ำหนัก เพราะทอร์นสเตน ไฮนส์ (Thornsten Heins) ซีอีโอริม เคยให้สัมภาษณ์สื่ออย่างเทเลกราฟ (Telegraph) เมื่อต้นเดือนสิงหาคมว่าบริษัทได้เปิดใจเจรจาเพื่อเป็นพันธมิตรกับหลายบริษัท หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาข้อตกลงเรื่องสิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี หรือ licensing agreement ซึ่งทำให้คำสัมภาษณ์นี้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับธรรมชาติของซัมซุง ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตสมาร์ทโฟนหลายระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว จนเกิดเป็นข่าวลือในที่สุด นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าหากซัมซุงสามารถจับมือกับริมได้ ซัมซุงจะมีแพลตฟอร์มใหม่เพื่อไปคานอำนาจกับกูเกิล (Google) เพื่อกระจายความเสี่ยงในตลาดสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) จุดนี้เป็นความจำเป็นที่ซัมซุงต้องมองหาความมั่นคงให้ตัวเองหลังจากกูเกิลประกาศซื้อหน่วยผลิตโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่า (Motorola Mobility) ไป ในส่วนของริม การหาพันธมิตรนั้นเป็นทางเลือกที่มีโอกาสช่วยให้ริมสามารถรอดพ้นจากภาวะถดถอยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าหนึ่งในจุดอ่อนของแบล็กเบอร์รีคือราคาเครื่องที่ยังสูงมาก การเปิดโอกาสให้สมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นได้ผลิตบนระบบแบล็กเบอร์รีอาจจะช่วยขยายฐานผู้ใช้บีบีได้มากขึ้นในอนาคต ทั้งหมดนี้สื่อต่างประเทศเชื่อว่าริมจะสามารถเปิดตัวพันธมิตรตัวจริงในช่วงปี 2013 ริมนั้นไม่ส่งตัวแทนใดๆ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือ ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับริมในขณะนี้จึงเป็นชัยชนะในการอุทธรณ์คดีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของบริษัทเอ็มฟอร์เมชัน เทคโนโลยีส์ (Mformation Technologies) ซึ่งทำให้มีท่าทีว่า เงินค่าปรับที่ริมเคยจ่ายให้เอ็มฟอร์เมชันมูลค่า 147.2 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นอาจได้คืน (ราว 4.5 พันล้านบาท) กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลนครซานฟรานซิสโกตัดสินให้ริมแพ้คดี ซึ่งบริษัทเอ็มฟอร์เมชันฟ้องร้องริมไว้ตั้งแต่ปี 2008 โดยสั่งให้ริมจ่ายเงิน 147.2 ล้านเหรียญสหรัฐฐานนำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระบบจัดการอุปกรณ์ไร้สายจากระยะไกลของเอ็มฟอร์เมชันไปใช้ในแบล็กเบอร์รีโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลังการตัดสินคดี ริมได้ยื่นอุทธรณ์และได้รับชัยชนะในที่สุด ริมออกแถลงการณ์ว่าซาบซึ้งที่ศาลพิจารณาคดีนี้ด้วยความรอบคอบ พร้อมยืนยันว่าบริษัทไม่เคยละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของเอ็มฟอร์เมชันอย่างที่ถูกกล่าวหา และยินดีอย่างยิ่งกับชัยชนะที่ได้รับมา ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยไอดีซี (IDC) ส่วนแบ่งตลาดของริมนั้นตกต่ำลงสวนทางกับส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลและซัมซุงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (เม.ย.-มิ.ย.) สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รีมียอดจัดส่งเพียง 7.4 ล้านเครื่อง ลดลงถึง 40.9% จากปีก่อนที่เคยจัดส่ง 12.5 ล้านเครื่อง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนโลกของริมเหลืออยู่ 4.8% จากที่เคยมี 11.5% ที่มา : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099244

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This