นายโจว ดับบลิวซี ชาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในงาน “Smarter Computing in the New Era of IT” ไอบีเอ็มได้เปิดตัวระบบ Power System ภายใต้แนวคิด Smarter Computing ที่โดดเด่นด้านความปลอดภัย และการประมวลผลระดับองค์กร ที่พร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนา (R&D) มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับ Power System ใหม่ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ IBM Power 770 และ Power 780 ประกอบด้วยไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ POWER7+ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ 30 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์บนเวิร์กโหลดแอพพลิเคชั่น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดย POWER7+ มีหน่วยความแคช L3 ใหญ่ขึ้น 2.5 เท่า เพิ่มความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสไฟล์ที่รวดเร็วกว่าสำหรับระบบปฏิบัติการ IBM AIX และการบีบอัดหน่วยความจำ โดยยังคงใช้พลังงานเท่าเดิม เมื่อเทียบกับชิพ POWER7 รุ่นก่อนหน้า และ เซิร์ฟเวอร์รุ่นสูงสุด Power 795 ได้รับการปรับปรุง เพื่อให้ลูกค้าใช้รันแอพพลิเคชั่นที่มีความต้องการสูงมาก เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้หน่วยความจำสูงสุด 16 เทราไบต์ พร้อมด้วย Dual In Line Memory Module (DIMM) ขนาด 64GB รอง กจญ.ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บ.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังได้เพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ Power System เพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบไพรเวท หรือแบบบริการเอาต์ซอร์ส และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องในส่วนของแอพพลิเคชั่นและเวิร์กโหลด เช่น Elastic Capacity on Demand for Power Systems Pools รองรับการใช้ทรัพยากรร่วมกันบนเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพร้อมใช้งานและปรับปรุงการเข้าใช้ทรัพยากรระหว่างที่ดำเนินการบำรุงรักษาระบบตามแผนที่วางไว้หรือการบำรุงรักษาที่ไม่ได้วางแผนไว้ ทั้งนี้ เมื่อจัดการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ด้วยซอฟต์แวร์เวอร์ชวลไลเซชั่น IBM PowerVM ลูกค้าจะสามารถย้ายพาร์ติชั่นเซิร์ฟเวอร์ได้ง่ายดายขึ้น เพื่อสร้างสมดุลของทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว โดยสอดรับกับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป เวอร์ชวลแมชชีนแต่ละเครื่องสามารถเคลื่อนย้ายได้รวดเร็วกว่า 3 เท่า และสามารถโยกย้ายหลายๆ ระบบพร้อมกันได้รวดเร็วกว่า 4.7 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นายโจว กล่าวอีกว่า โครงสร้างพื้นฐานไอทีทั่วไปถูกโจมตีผ่านทางอินเทอร์เน็ตเกือบ 60,000 ครั้งในแต่ละวัน และโดยเฉลี่ยแล้ว ความเสียหายโดยรวมที่เกิดจากข้อมูลองค์กรรั่วไหลมีมูลค่าสูงถึง 5.5 ล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดสำหรับองค์กร เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ซอฟต์แวร์ด้านการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแล IBM PowerSC พร้อมด้วย Trusted Surveyor ได้รับการอัพเดต และสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ รวมถึงรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ รอง กจญ.ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บ.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ องค์กรต้องรับมือกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนสร้างภาระอย่างมากต่อผู้ดูแลระบบไอที ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและการจัดการระบบไอที รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ ไอบีเอ็มจึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบสตอเรจระดับไฮเอนด์สองรุ่น ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือกับความท้าทายดังกล่าวได้อย่างแท้จริง.