iPhone 4s ราคา 16,000 เครื่องต่อชั่วโมง

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

iPhone, Apple iPhone, iPhone 4s, ราคา iPhone 4s แอปเปิล (Apple) ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด มกราคม-มีนาคม 2012 อย่างเป็นทางการ พบยอดจำหน่าย iPhone สูงเกินคาด ส่งให้ตัวเลขกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ตลอด 3 เดือน คือมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถจำหน่าย iPhone ได้ถึง 35.1 ล้านเครื่องทั่วโลก โดย Gene Munster นักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัย Piper Jaffray นำมาแจกแจงว่าตัวเลขนี้คิดเป็นยอดขายเฉลี่ย 385,000 เครื่องต่อวัน เท่ากับแอปเปิลสามารถจำหน่าย iPhone ราว 16,000 เครื่องต่อชั่วโมง หรือประมาณ 266 เครื่องต่อนาที สถิติที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนว่า iPhone ลอยลำเกินกว่าสินค้าอื่นๆ ของแอปเปิล โดยสินค้ายอดนิยมอย่าง iPad ข้อมูลเฉลี่ยพบว่าแอปเปิลสามารถขาย iPad ได้ 5,400 เครื่องต่อชั่วโมง นักวิเคราะห์คาดว่ายอดจำหน่าย iPhone ถล่มทลายนี้ได้รับอานิสงส์เต็มตัวจากตลาดจีน โดยยอดขาย iPhone จากจีนซึ่งมีแม่เหล็กตัวใหญ่คือ iPhone 4S นั้นทำเงินให้แอปเปิลถึง 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายรวมแอปเปิล จุดที่น่าสนใจคือ ยอดจำหน่าย iPhone ในจีนนั้นคิดเป็นอัตราการเติบโต 500% ต่อปี ซึ่งสูงลิ่วจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยในพื้นที่ทั่วโลกซึ่งทำได้ 88% ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์มองว่าแอปเปิลมีโอกาสและพื้นที่เติบโตในจีนอย่างโดดเด่นในปีนี้ เพราะที่ผ่านมาโอเปอเรเตอร์แดนมังกรอย่าง China Unicom และ China Telecom ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย iPhone อย่างเป็นทางการนั้นให้บริการครอบคลุมประชากรจีนเพียง 25% เท่านั้น ยังไม่มีโอเปอเรเตอร์อย่าง China Mobile ที่เป็นผู้ให้บริการเบอร์ 1 ของจีน เท่ากับเมื่อ China Mobile จะร่วมเป็นตัวแทนจำหน่าย iPhone 5 ในช่วงตุลาคม ปี 2012 ยอดจำหน่าย iPhone ในจีนก็จะกระฉูดยิ่งกว่าเดิมแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มูลค่ากำไรของแอปเปิลเติบโตเกินกว่าการคาดการณ์ ของนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะสัดส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในตลาดประเทศกำลังพัฒนา Updated – Q1 แอปเปิลกำไรเพิ่ม 94% ยอดจำหน่าย iPhone นั้นจุดระเบิดให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับปี 2011 ระบุยอดรายได้สุทธิ 3 เดือนแตะระดับ 1.16 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 3.8 แสนล้านบาท) หรือประมาณ 12.30 เหรียญต่อหุ้น บนยอดขายที่เพิ่มขึ้น 59% คิดเป็น 3.92 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 1.17 ล้านล้านบาท) ตัวเลขทั้งหมดนี้เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยรายได้สุทธินั้นถูกประเมินว่าแอปเปิลจะทำได้ 10.02 เหรียญต่อหุ้น บนยอดขายรวม 3.69 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น ทิม คุ้ก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิลยอมรับว่าความสำเร็จเหล่านี้มาจากตลาดจีนซึ่งทำรายได้ให้แอ ปเปิลมากกว่า 20% ของรายได้รวมแอปเปิล ดีดตัวจาก 12% ซึ่งจีนทำให้แอปเปิลในปีที่แล้ว ทั้งหมดนี้แอปเปิลเชื่อว่าโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นเมื่อ iPad รุ่นใหม่เริ่มวางจำหน่ายในจีนและเอเชีย หลังการประกาศผลประกอบการครั้งนี้ มูลค่าหุ้นแอปเปิลพุ่งกระฉูดในตลาดเงินหลายประเทศ เช่น ตลาดเยอรมนีที่หุ้งพุ่งขึ้นไป 9.9% และตลาดสหรัฐฯ 7.8% ตลอด 3 เดือน แอปเปิลระบุว่าสามารถจำหน่าย iPad ได้ 11.8 ล้านเครื่อง เบ็ดเสร็จรวมตั้งแต่เปิดตัว iPad ในปี 2010 แอปเปิลสามารถจำหน่าย iPad ได้ 67 ล้านเครื่อง จุดนี้ซีอีโอแอปเปิลระบุว่าหากเป็นคอมพิวเตอร์แมคอินทอช (Mac computer) จะต้องใช้เวลาถึง 24 ปีในการทำยอดขายระดับเดียวกัน ปริมาณการจำหน่ายสินค้ามหาศาลส่งให้สัดส่วนกำไรหรือ Gross margin ของแอปเปิลเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ โดยมีสัดส่วน 47.4% เทียบกับ 41.4% ในปีที่แล้ว สำหรับคอมพิวเตอร์แมคอินทอช แอปเปิลระบุว่าสามารถจำหน่ายได้ 4 ล้านเครื่องตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา โดยจำหน่ายเครื่องเล่นเพลง iPod ไป 7.7 ล้านเครื่อง นอกจากจะแถลงผลประกอบการ ซีอีโอแอปเปิลยังยอมรับว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัวในเร็ววันนี้ โดยบอกใบ้เพียงว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้พบกับนวัตกรรมที่มีเพียงแอปเปิลเท่านั้นที่สามารถผลิตได้ Company Related Link : Apple

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

ปรับตัวใหม่! ตลาดหุ้นโลกและผลการประชุมธนาคารกลางส่งสัญญาณอะไรบ้าง?

สัปดาห์นี้เราเห็นการเคลื่อนไหวใหญ่ในตลาดหุ้นทั่วโลก ที่มาพร้อมกับการตัดสินใจสำคัญจากธนาคารกลางหลายแห่ง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยไปจนถึงการอัปเดตเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ให้สัญญาณว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตามด้วยธนาคารกลางสวิสฯ ที่เริ่มต้นด้วยการลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นการตอบสนองต่อเงินเฟ้อที่ลดลง ในอีกด้านของโลก, ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่ยังคงนโยบายการซื้อพันธบัตร เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในขณะนี้...
- Advertisement -

More Articles Like This