Jaguar และ LandRover วางแผนผลิตในประเทศอินเดียเพื่อลดต้นทุน

Must Read

Jiradech Suchada
Jiradech Suchadahttps://www.itmoamun.com/
การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยี ธุรกิจ Passive Income ทำตัวเป็น Blogger แถมกด Shutter รัวๆ แล้วออกไปปั่นๆ พร้อมทั้งเก็บเป็นเรื่องราวดีๆผ่านพื้นที่ตรงนี้ออกมาเป็นบทความ รูปภาพ วิดีโอ แบบเล่าสู่กันฟัง อย่าลืมมาติดตามกันนะครับ

Jaguar และ LandRover ทาทา มอเตอร์ส เจ้าของรถหรูยี่ห้อ จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ (เจแอลอาร์) วางแผนดำเนินสายการผลิตรถโดยการนำเข้าชิ้นส่วนจากอังกฤษเพื่อลดต้นทุนจากภาษีนำเข้าและค่าแรงงาน แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับโครงการนี้กล่าวว่า อินเดียเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความเป็นไปได้สูงในการจะผลิตรถทั้งคันได้เหมือนกับบราซิล อย่างไรก็ดี โครงการนี้ยังอยู่ในช่วงวางแผนเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งนี้เจแอลอาร์ ประกอบชิ้นส่วนรถทั้งสองยี่ห้อที่โรงงานประกอบรถยนต์ที่อยู่ทางตะวันตกของอินเดียโดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่นำเข้ามาจากอังกฤษในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายของ จากัวร์ และ แลนด์โรเวอร์ นับเป็นกุญแจสำคัญในการอุ้มชูธุรกิจของเครือ ทาทา อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถในอินเดียได้ตกลงในปีที่แล้วเนื่องมาจากค่าสินเชื่อที่สูงขึ้น ค่าน้ำมันและค่าวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ของโลกอย่าง ฟอร์ด เจนเนอรัล มอเตอร์ส และ นิสสัน ได้ลงทุนเม็ดเงินเป็นมูลค่ากว่าหลายล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนให้อินเดียให้เป็นฐานการผลิตป้อนตลาดโลกช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพราะความต้องการรถในภูมิภาคนี้สูงกว่าประเทศแถบตะวันตก เมื่อปี 2551 ทาทา มอเตอร์สได้เข้าซื้อกิจการของ จากัวร์ และ แลนด์ โรเวอร์ จาก ฟอร์ด มอเตอร์ส โค เมื่อปี 2551 ด้วยมูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งในแผนการขยายตลาดไปสู่นอกทวีปเอเชีย ขณะที่ในปี 2554 เจแอลอาร์มียอดขายรถทั้งหมด 357,773 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดจีน อังกฤษ และสหรัฐ [code]ที่มา : bangkokbiznews http://bit.ly/XNMizQ [/code]

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This