ในปี 1844 Audubon วัย 59 ปี ได้เรียบเรียงหนังสือชื่อ Viviparus Quadrupeds of North America ผลงานด้านธรรมชาติวิทยาของนก และสัตว์สี่เท้านี้ได้ทำให้ Audubon ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกของ Royal Society ดังนั้น Audubon จึงเป็นชาวอเมริกันคนที่สอง ต่อจาก Benjamin Franklin ที่ได้เป็น F. R. S.
เมื่ออายุ 61 ปี สุขภาพของ Audubon ได้ทรุดลงอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตในปี 1851 ขณะอายุ 66 ปี หลังจากที่ Audubon เสียชีวิตไปแล้ว George Bird Grinnell ผู้เคยเป็นศิษย์ของภรรยา Audubon ได้จัดตั้งสมาคม National Audubon Society ขึ้นมา ซึ่งยังคงอยู่จนทุกวันนี้
ในการศึกษาผลงานที่ Audubon ได้ทิ้งไว้เป็นมรดกพบว่ามีดังนี้ คือ หนังสือชุด The Birds of America (1827-1838) ขนาดใหญ่ 39 x 29 นิ้ว 4 เล่ม มีภาพนก 1,065 ภาพ เป็นนก 440 สปีชีส์ และหนังสือชุด Ornithological Biography of 1831-1839 จำนวน 5 เล่ม ที่มีการแสดงกายวิภาคศาสตร์ของนกบางสปีชีส์ด้วย ส่วนหนังสือ Birds of America (1840-1844) นั้น แสดงภาพนกที่พบใน Florida และ Missouri สำหรับภาพนกที่ Audubon วาดนั้น นักปักษีวิทยาได้พบว่าขนในภาพมีสีซีดกว่านกตัวจริง แต่ก็มีรายละเอียดใกล้ความจริงพอสมควร ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้น Audubon ไม่มีกล้องถ่ายรูปใช้ แต่เขาก็สามารถเห็นส่วนปลีกย่อยต่าง ๆ ของนกได้มาก ซึ่งการที่ Audubon ทำได้นี้เพราะกว่าจะวาดภาพนกได้แต่ละตัวเขาต้องฆ่านกตายเป็นร้อย แล้วเอาซากมาเสียบด้วยลวดแหลมเพื่อนำไปปักบนกิ่งไม้ จากนั้น Audubon ก็จัดท่าทางของนกที่ตายแล้วให้ดูเสมือนว่ากำลังเกาะกิ่งไม้อยู่ จนได้ที่แล้วจึงลงมือวาด ด้วยเหตุนี้ ท่าทางของนกที่ Audubon วาดจึงไม่ใช่ลักษณะที่เป็นธรรมชาติ การไม่มีกล้องถ่ายรูปทำให้ Audubon ไม่รู้ว่านกจริง ๆ เกาะกิ่งไม้หรือโผบินอย่างไร เมื่อชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ผู้คนต้องการซื้อภาพนกมากขึ้น Audubon จึงต้องผลิตภาพวาดให้เร็ว และมากพอต่อความต้องการ ด้วยเหตุนี้ภาพวาดในระยะหลังจึงแสดงความรีบร้อนในการวาด และรายละเอียดของนกลดลง ทำให้ Audubon ต้องหันมาจ้างจิตรกรผู้ช่วยหลายคน โดยให้จิตรกรผู้ช่วยวาดภาพฉากหลังของนก แต่ไม่ให้วาดภาพตัวนก และเมื่อภาพอยู่ในสภาพพร้อมขาย โลกก็รู้จักภาพนั้นว่าเป็นภาพของ Audubon การวิเคราะห์ภาพนกต่าง ๆ ที่ Audubon วาดยังแสดงให้เห็นจุดบกพร่องหลายจุด เช่น บริเวณตานก ซึ่งภาพหนังตามักอยู่ในสภาพคลายตัว ทั้งนี้เพราะนกต้นแบบเป็นนกที่ตายแล้ว สำหรับลักษณะการเกาะกิ่งไม้และการบินก็ไม่เป็นตามธรรมชาติ เพราะในบางภาพ Audubon ได้วาดให้นกบินเหมือนคนเต้นรำ ทั้งนี้เพราะ Audubon เองชอบและสอนเต้นรำ ดังเช่นภาพนก mockingbird 4 ตัว ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของงูจงอาง อันเป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Audubon ซึ่งนักปักษีวิทยาได้วิเคราะห์ว่าภาพนี้ผิดธรรมชาติ เพราะงูจงอางไม่เลื้อยต้นไม้ และเขี้ยวงูไม่งอ (ในภาพเขี้ยวงูโค้งงอ) สำหรับตาดำของงูมีลักษณะกลม (ในภาพตาดำไม่กลม) ส่วนนกทั้ง 4 ได้พยายามจะบินจิกงู ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติเลย สำหรับหนังสือ Ornithological Biography นั้นหนา 3,000 หน้า และเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่ Audubon ไม่ถนัด จึงต้องอาศัยนักวิชาการคนอื่นมาเขียนให้ แต่ Audubon ก็ไม่ได้อ้างถึงผลงานของใคร เสมือนกับว่าสิ่งที่เขียนเป็นความรู้ที่ตนพบเป็นคนแรก ดังนั้น ข้อมูลที่นำเสนอจึงไม่ถูกต้อง 100% ถึงกระนั้นในภาพรวม ผลงานทั้งหมดก็นับว่าสำคัญ เพราะ Audubon ได้นำชีวิตนกนอกบ้านมาให้ผู้คนชื่นชมกันในบ้าน ผลงานนี้ยังแสดงให้เห็นว่า Audubon ค้นพบนกสปีชีส์ใหม่ถึง 23 สปีชีส์ การบรรยายเกี่ยวกับนกทำให้รู้วิธีหาอาหารถิ่นอาศัย และธรรมชาติของนก แต่เหนือสิ่งอื่นใด Audubon คือบุคคลที่รักนก และความรักนี้ได้ทำให้คนทั้งโลกรักและชื่นชมนกด้วย คุณหาอ่านประวัติและผลงานของ Audubon ได้จาก John James Audubon : The Making of an American โดย Richard Rhodes ที่จัดพิมพ์โดย Knopf ปี 2004 สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.