MacBook Pro ที่มาพร้อม Touch Bar รุ่นแรก กลายเป็นผลิตภัณฑ์ล้าสมัยแล้ว

Must Read

ชาวค่ายผลไม้ทุกคนต้องมารวมกันทางนี้ เพราะครั้งนี้เรามีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้ Apple ได้ขึ้นทะเบียน MacBook Pro ที่มาพร้อม Touch Bar รุ่นแรก เป็นผลิตภัณฑ์ล้าสมัย ปลายเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย

สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้

  • ล่าสุด Apple กำลังจะรวม MacBook Pro รุ่นแรก ที่มาพร้อม Touch Bar ไว้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า หรือ Vintage Products ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผลิตภัณฑ์ Apple ที่หยุดการจัดจำหน่ายมานานกว่า 5 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 ปี
  • MacBook Pro รุ่นแรก ที่มาพร้อม Touch Bar ได้รับการเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2016 โดยมีทั้งรุ่น 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว แต่ในรุ่น 13 นิ้ว ยังมีเวอร์ชั่นที่ไม่มี Touch Bar ให้เลือกด้วย ส่วนเวอร์ชั่นที่มี Touch Bar ก็มาพร้อมระบบยืนยันตัวตนด้วย Touch ID
  • นอกจากนี้ MacBook Pro ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2016 ยังมีแผงคีย์บอร์ดแบบปีกผีเสื้อ ที่สร้างปัญหาให้กับ Apple เนื่องจากถูกร้องเรียนอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับการใช้งาน นอกจากนี้ Touch Bar ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนในที่สุด ไม่มี Touch Bar อีกต่อไปแล้วใน MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว แต่ยังคงมีอยู่ใน 13 นิ้ว
  • ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าของ Apple จะไม่สามารถเข้ารับการซ่อมแซมส่วนใหญ่ในหลายประเทศ แต่ Apple Store และผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple บางแห่ง ได้ขยายระยะเวลาในการให้บริการซ่อมผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าอีก 2 ปี (ขึ้นอยู่กับความพร้อมของอะไหล่) นับจากวันที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจล่าสุดเกี่ยวกับ MacBook Pro ที่มาพร้อม Touch Bar รุ่นแรก ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเจ้าของเครื่องทุกคน และเมื่อได้ทราบแล้วก็จงเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงกันนะครับ

ที่มา

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This