โมโนกรุ้ปปฎิเสธไม่ขายเว็บเอ็มไทยให้กลุ่มทุนต่างชาติตามข่าวลือ  ตรงข้ามมีแต่ซื้อเพิ่ม ทุ่ม 10 ล้านบาทปั้นบริการใหม่ “ดูหนัง.เอ็มไทย”  คุยเป็นรายแรกที่ให้บริการดูหนังออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์  เชื่อมีแนวโน้มสร้างรายได้ให้เอ็มไทยมากกว่าการโฆษณาในอนาคต  นายนวมินทร์ ประสพเนตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน เจนเนอเรชั่น  จำกัด หรือโมโนกรุ้ป กล่าวว่า  ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะมีกลุ่มทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อเว็บเอ็มไทยนั้น  ตนยอมรับว่า ได้รับการติดต่อจริง  แต่ไม่มีแผนขายเว็บไซต์หรือการขายหุ้นให้ต่างชาติอย่างที่เป็นข่าว  เนื่องจากบริษัทยังมีเงินทุนและรายได้หล่อเลี้ยงเว็บเอ็มไทยอย่างเพียงพอ  แต่อาจจะมีการร่วมมือในฐานะพันธมิตรเป็นโครงการไป  “เราไม่มีทางขายเอ็มไทย  ไม่มีการให้ถือหุ้นของกลุ่มทุนต่างชาติในเอ็มไทยแน่นอน  ยอมรับว่ามีติดต่อเข้ามา แต่การให้คนเข้ามาซื้อหุ้นไม่ได้อยู่ในแผน  ที่อยู่ในแผนกลับเป็นการซื้อเว็บไซต์ไทยมากกว่า”  นอกจากจะปฏิเสธข่าวดังกล่าว  ผู้บริหารโมโนยังระบุว่าโมโนยังไม่มีแผนเพิ่มทุนให้เอ็มไทย  แต่มีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต  ซึ่งยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาเนื่องจากต้องดูความเหมาะสมในภาพรวม  กระแสข่าวลือว่า ทางกลุ่มโมโนจะขายเว็บเอ็มไทยหรือเพิ่มทุนนั้น  ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่เว็บเอ็มไทยจะไต่อันดับจากเว็บไซด์ยอดนิยมอันดับ  2 ในขณะนี้ ให้ก้าวขึ้นเป็นเว็บอันดับหนึ่งแทนที่เว็บสนุกดอทคอมได้นั้น  หากได้รับเงินอัดฉีดจากกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาเสริมก็จะทำให้เอ็มไทยสามารถ แซงหน้าขึ้นเป็นเว็บไซต์อันดับ 1 ได้อย่างที่ตั้งใจในเวลารวดเร็วกว่า  สำหรับบริการวิดีโอสตรีมมิ่งในชื่อ “ดูหนัง.เอ็มไทย  (doonung.mthai)”  ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุดที่ทางกลุ่มโมโนเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวานที่ผ่านมา  นายนวมินทร์การันตีว่าเป็นบริการดูหนังออนไลน์เจ้าแรกในเมืองไทย  ใช้เทคโนโลยีวิดีโอสตรีมมิ่งให้ผู้ใช้สามารถชมทั้งภาพยนตร์ไทย เกาหลี  หนังต่างชาติหาชมยาก และคลิปเซ็กซี่ บนความละเอียดคมชัดสูงสุด HD  โดยมีจำนวนภาพยนตร์ที่มีให้บริการ 1,000 เรื่อง  รวมถึงภาพยนตร์เอ็กซ์คลูซีฟที่จะมีให้ชมบนบริการนี้เท่านั้นอีก 300 เรื่อง  ในราคาดูไม่อั้น 3 กลุ่มคือ 129 บาทต่อ 1 เดือน, 736 บาทต่อ 6 เดือน และ  1,394 บาทต่อ 1 ปี  นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ รองผู้อำนวยการเว็บไซต์เอ็มไทยดอทคอม เชื่อว่า สมาชิกบริการดังกล่าวจะมีจำนวนมากกว่า 50,000 รายในปีนี้ บนจุดเด่นคือผู้ชมสามารถชมภาพยนตร์ต่อเนื่องจนจบไม่สะดุด  การเปิดให้ผู้ใช้เลื่อนชมภาพยนตร์ช่วงอื่นได้ และการใช้ระบบ Multi Bit Rate  ปรับความคมชัดอัตโนมัติตามความเร็วของเน็ตที่ใช้อยู่  รวมถึงความสามารถดูผ่านทุกอุปกรณ์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้  ทั้งคอมพิวเตอร์พีซีและแมคอินทอช รวมถึงอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน  ทีวีอินเทอร์เน็ต แท็บเล็ต และเครื่องเล่นอื่นๆ  “ทุกเรื่องมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง  เราติดต่อกับค่ายหนังทั้งไทยและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว  ไม่มีโดนตำรวจจับแน่นอน ที่สำคัญ บริการนี้ดูได้หลากหลาย แนวไหนก็ได้  ดูเมื่อไรก็ได้ และดูที่ไหนก็ได้ตามใจคุณ  ทั้งหมดนี้เราลงทุนทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการและลิขสิทธิภาพยนตร์ประมาณ  10 ล้านบาท  ถือเป็นบริการคอนเทนต์ดิจิตอลแรกของประเทศที่มีรูปแบบการเก็บค่าบริการอย่าง เป็นรูปธรรม”  ปฐมพงศ์ระบุว่า  ไม่มีแผนให้บริการดูภาพยนตร์ออนไลน์ในรูปแบบ”ดูฟรีมีโฆษณา”ในอนาคต  เนื่องจากมองว่าอาจเป็นการลดคุณค่าของบริการลง  เท่ากับรายได้จากบริการนี้จะมาจากการสมัครสมาชิกของผู้บริโภคแหล่งเดียว   ***มั่นใจ”ดูหนัง”ทำเงินแซงโฆษณา  นายพัฒนพงศ์ สุนทรกำจรพานิช  ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจโมโนกรุ้ป มั่นใจว่า  บริการดูหนัง.เอ็มไทยจะสามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้โมโนในระยะยาว  เนื่องจากความพร้อมของตลาดอุปกรณ์พกพาในปัจจุบัน  ซึ่งบริการนี้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกระดับที่ต้องการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ในมุมความบันเทิง ไม่ใช่มุมการจัดการงานส่วนตัวอย่างเดียว  “อุปกรณ์แอนดรอยด์ แบล็กเบอรี่  และวินโดวส์โฟนจะรองรับบริการในอีก 2 เดือนข้างหน้า  บริการนี้สามารถใช้ได้กับอินเทอร์เน็ตขั้นต่ำ 50K ขึ้นไป เท่ากับเครือข่าย  Edge ก็ดูได้ และการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ก็ยังไม่จบ  ทั้งหมดนี้เป็นโครงการระยะยาวที่จะสร้างรายได้ในอนาคต”  พัฒนพงศ์เชื่อว่าบริการนี้จะไม่ชนกับตลาดเคเบิลทีวี  เพราะเคเบิลทีวีเป็นการชมภาพสัญญาณสด  แต่ดูหนัง.เอ็มไทยเป็นบริการวิดีโอออนดีมานด์ โดยยอมรับว่าเหตุที่ บริการนี้ยังไม่มีภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดัง  เป็นเพราะลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ดังเหล่านั้นเป็นของค่ายซึ่งไม่มีการเปิดสิทธิ์ ซื้อขาย ซึ่งยังต้องเจรจาต่อไป  พันธมิตรหลักของบริการนี้คือทรีบรอดแบนด์ (3BB) และเอไอเอส (AIS)  โดยลูกค้าเอไอเอสสามารถสมัครบริการดูหนัง.เอ็มไทยในราคา 29 บาทต่อสัปดาห์  ทั้งหมดนี้ถือเป็นการชิงเปิดตัวบริการดูภาพยนตร์ออนไลน์ก่อน คู่แข่งของเอ็มไทย โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า  บริษัทเอ็มพิกเจอร์สนั้นมีแผนเปิดบริการดูภาพยนตร์ออนไลน์ในระบบสตรีมมิ่ง ลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในขณะนี้  ปัจจุบัน เอ็มไทยมีรายได้หลักจากการโฆษณา  โดยทำรายได้เป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของโมโนกรุ้ป  อัตราผู้ใช้งานยูนีคไอพีเฉลี่ย 650,000 รายต่อวัน  งบการตลาดเบื้องต้นของบริการดูหนัง.เอ็มไทยนี้คือ 30-40 ล้านบาท  ขณะที่โมโนกรุ้ปมีกำไรในปีที่ผ่านมาราว 500 ล้านบาท  รายได้หลักคือการให้บริการคอนเทนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ  รองลงมาเป็นรายได้จากการโฆษณา  Related Link : doonung.mthai
