เดือนตุลาคม 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนปราบเซียนสำหรับนักลงทุนและคนติดตามข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะใครที่เทรดคู่เงิน GBP หรือทองคำ เพราะตัวเลขที่ทุกคนรอคอยอย่าง Consumer Price Inflation (CPI) ของอังกฤษได้ประกาศออกมาแล้ว
ผลลัพธ์คือ “ลดลง” เหลือ 3.6% (จาก 3.8% ในเดือนก่อนหน้า)
ฟังดูเหมือนจะเป็นข่าวดีใช่ไหมครับ? ตัวเลขลดลงก็น่าจะดีต่อเศรษฐกิจ แต่ทำไม Bank of England (BoE) ถึงยังดูเครียด ๆ และทำไมนักวิเคราะห์หลายสำนักถึงบอกว่า “สงครามยังไม่จบ”?
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกแบบ “ภาษาคนเทรด” ว่าไส้ในของตัวเลขนี้บอกอะไรเราบ้าง ทำไมของกินยังแพง และทิศทางดอกเบี้ยอังกฤษจะเป็นอย่างไรต่อไป ใครถือ GBP หรือเล็ง Gold ไว้ ต้องอ่านครับ!
1. ภาพรวมตัวเลข: ข่าวดีที่มาพร้อมคำเตือน
ก่อนอื่นมาดูตัวเลขเนื้อ ๆ เน้น ๆ ที่ Office for National Statistics (ONS) ประกาศออกมา:
-
Headline CPI: อยู่ที่ 3.6% YoY (เทียบรายปี) ซึ่งลดลงจาก 3.8% ในเดือนกันยายน 2025
-
ความสำคัญ: นี่เป็นการชะลอตัวลงครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลังจากที่ตัวเลขดื้อด้านทรงตัวมานาน ทำให้นักลงทุนเริ่มเห็นแสงสว่างว่า “จุดพีค” อาจจะผ่านไปแล้ว
-
CPIH (รวมต้นทุนเจ้าของบ้าน): ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันว่าแรงกดดันภาพรวมเริ่มแผ่วลง
แต่… (มีแต่เสมอในโลกการเงิน) ตัวเลข 3.6% นี้ยังถือว่า “สูงเกือบ 2 เท่า” ของเป้าหมายที่ Bank of England ตั้งไว้ที่ 2%
เปรียบเทียบง่าย ๆ คือ เหมือนเราตั้งเป้าจะลดน้ำหนักให้เหลือ 60 กิโลฯ ตอนนี้ลดจาก 80 ลงมาเหลือ 72 กิโลฯ แล้ว ดีใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่เวลาฉลองเปิดแชมเปญ เพราะไขมันส่วนเกิน (เงินเฟ้อพื้นฐาน) ยังเกาะแน่นอยู่
2. เจาะไส้ใน: อะไรฉุดลง อะไรยังพุ่ง?
ทำไมตัวเลขถึงลด? และทำไมคนเดินถนนยังบ่นว่าของแพง? คำตอบอยู่ที่ “ส่วนประกอบ” ของตะกร้าเงินเฟ้อครับ
ฮีโร่ขี่ม้าขาว: หมวดที่อยู่อาศัย (Housing & Household Services)
ตัวพระเอกที่ทำให้เงินเฟ้อรอบนี้ดูดีขึ้นคือ “Housing and household services”
-
ONS ระบุว่าหมวดนี้เป็นตัวฉุดกราฟลงมากที่สุด
-
สาเหตุ: ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน (ค่าแก๊ส ค่าไฟ) เริ่มนิ่งและไม่ได้กระโดดพุ่งแรงเหมือนช่วงวิกฤตพลังงานปีก่อน ๆ รวมถึงค่าเช่าในบางพื้นที่เริ่มชะลอความร้อนแรงลง
-
นโยบายรัฐ: ต้องให้เครดิตมาตรการภาครัฐและการคาดการณ์จาก Autumn Budget ที่มีการพูดถึงการช่วยเหลือค่าครองชีพ ทำให้ตัวเลขในหมวดนี้ดูผ่อนคลายลง
ตัวร้ายที่ยังดื้อ: อาหาร (Food & Non-alcoholic Beverages)
ข่าวร้ายสำหรับแม่บ้านและคนทำงานคือ “เรื่องปากท้องยังสาหัส”
-
เงินเฟ้อหมวดอาหารอยู่ที่ 4.9% YoY (เพิ่มจาก 4.5% ในเดือนก่อน)
-
ที่น่าตกใจคือ เทียบรายเดือน (MoM) ราคายังพุ่งขึ้น 0.5%
-
นี่คือเหตุผลว่าทำไมตัวเลข Headline CPI ลดลง แต่ความรู้สึกของประชาชน (Sentiment) กลับรู้สึกว่า “ของไม่ได้ถูกลงเลย” เพราะเราซื้อข้าวแกง ซื้อของซูเปอร์มาร์เก็ตทุกวัน แต่เราไม่ได้จ่ายค่าซ่อมบ้านทุกวัน ผลกระทบทางจิตวิทยาจึงยังสูงมาก
3. Bank of England (BoE) จะเอายังไงต่อ?
นี่คือพาร์ทที่สำคัญที่สุดสำหรับสายเทรดครับ
สถานการณ์ตอนนี้คือ “ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก” (Dilemma) ของ BoE:
-
ถ้าลดดอกเบี้ยเร็ว: เงินเฟ้อ 3.6% ที่ยังสูงกว่าเป้า อาจจะดีดกลับ (Rebound) ขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อราคาอาหารยังพุ่ง
-
ถ้าคงดอกเบี้ยสูงนาน: เศรษฐกิจอังกฤษที่เปราะบางอยู่แล้วอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) คนกู้บ้านผ่อนไม่ไหว
มุมมองนักวิเคราะห์: ข้อมูลจาก House of Commons Library และโพลของ Reuters ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เงินเฟ้ออังกฤษอาจจะ “Sticky” หรือหนืดอยู่ที่ระดับ 3-4% ไปจนถึงปี 2026 หรือ 2027 กว่าจะลงแตะ 2% ได้จริง ๆ
สิ่งที่ BoE น่าจะทำ: BoE น่าจะเลือกเพลย์เซฟด้วยการส่งสัญญาณ “ลดดอกเบี้ยแบบระมัดระวัง” (Gradual Cuts) คืออาจจะไม่ลดฮวบฮาบเหมือนฝั่ง Fed (สหรัฐฯ) แต่จะค่อย ๆ รินลดลงเมื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อภาคบริการและค่าจ้างเริ่มนิ่งจริง ๆ
4. ผลกระทบต่อตลาดการเงิน (Trader’s Focus)
สำหรับเพื่อน ๆ ที่เทรด Forex หรือทองคำ ข้อมูลชุดนี้ส่งผลอย่างไร?
🇬🇧 ค่าเงินปอนด์ (GBP)
-
ระยะสั้น: การที่เงินเฟ้อลดลง (3.8% -> 3.6%) ทำให้ตลาดเริ่มเก็งกำไรว่า BoE มีช่องว่างให้ลดดอกเบี้ยได้บ้าง ซึ่งปกติเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงิน (GBP อ่อนค่า)
-
ระยะกลาง: แต่เนื่องจากเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้ามาก และลดลง “ช้ากว่าที่คิด” เมื่อเทียบกับประเทศอื่น BoE อาจต้องคงดอกเบี้ยสูงกว่าชาวบ้าน (Higher for Longer relative to peers) ซึ่งอาจจะช่วยพยุง GBP ไม่ให้อ่อนยวบยาบเมื่อเทียบกับ EUR
-
คู่เงินที่น่าจับตา: GBP/USD (ระวังความผันผวนจากฝั่งดอลลาร์ด้วย), EUR/GBP
🥇 ทองคำ (XAU/USD)
-
ทองคำชอบบรรยากาศที่ “ดอกเบี้ยขาลง” และ “เงินเฟ้อที่คุมไม่ได้”
-
ตัวเลข 3.6% ที่ยังสูงกว่าเป้า เป็นเชื้อไฟที่ดีว่าเงินเฟ้อโลกยังไม่ตายสนิท ซึ่งเป็นแรงหนุนราคาทองคำในระยะยาว (Inflation Hedge)
-
แต่ต้องระวัง ถ้า BoE หรือ Fed ออกมาเบรกความหวังลดดอกเบี้ย ทองคำอาจโดนเทขายทำกำไรระยะสั้นได้
5. สรุป: เกมนี้ยังอีกยาวไกล
ตัวเลข CPI ตุลาคม 2025 ที่ 3.6% คือสัญญาณพักตัวชั่วคราว ไม่ใช่ชัยชนะที่เด็ดขาดของ Bank of England
สำหรับคนอังกฤษ ค่าครองชีพยังเป็นเรื่องท้าทายโดยเฉพาะค่าอาหาร สำหรับนักลงทุน นี่คือช่วงเวลาของการจับตาดู “Wage-Price Spiral” (วงจรค่าจ้าง-ราคาสินค้า) อย่างใกล้ชิด
คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์: อย่าดูแค่ตัวเลข Headline ให้ดูไส้ใน Core CPI และหมวดบริการ (Services Inflation) ควบคู่ไปด้วย เพราะนั่นคือสิ่งที่ BoE ใช้ตัดสินใจกดปุ่มดอกเบี้ยจริง ๆ ครับ
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงินเฟ้อผู้บริโภคอังกฤษ ตุลาคม 2025
Q1: CPI กับ CPIH ต่างกันอย่างไร ทำไมต้องดูทั้งคู่?
A:
-
CPI (Consumer Price Index): เป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดเงินเฟ้อสากล ดูราคาสินค้าและบริการทั่วไป
-
CPIH (CPI including owner occupiers’ housing costs): คือ CPI ที่ บวก ต้นทุนการอยู่อาศัยของเจ้าของบ้านเข้าไปด้วย (เช่น ค่าบำรุงรักษา ภาษีที่ดิน)
-
สำหรับ Office for National Statistics (ONS) แล้ว CPIH ถือเป็นมาตรวัดที่สะท้อนค่าครองชีพจริงได้ครอบคลุมกว่า แต่ตลาด Forex มักจะรีแอคกับตัวเลข CPI Headline มากกว่าเพราะเป็นตัวเลขมาตรฐานโลกครับ
Q2: เงินเฟ้อ 3.6% ถือว่า “น่ากลัว” แค่ไหนสำหรับเศรษฐกิจอังกฤษ?
A: ถือว่ายังน่ากังวลครับ เพราะเป้าหมายเสถียรภาพราคาของ Bank of England คือ 2% การที่ตัวเลขอยู่ที่ 3.6% แปลว่าอำนาจการซื้อของเงินปอนด์ยังลดลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และที่น่ากลัวกว่าตัวเลขคือ “ความคาดหวัง” (Inflation Expectations) ถ้าประชาชนเชื่อว่าของจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจะเรียกร้องขึ้นค่าแรง ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อฝังรากลึก แก้ไขยากขึ้น (Sticky Inflation)
Q3: ข่าวนี้ส่งผลต่อกราฟ GBP/USD อย่างไร ทิศทางจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง?
A: ในทฤษฎี เมื่อเงินเฟ้อลดลง (3.8% -> 3.6%) ความกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยจะลดลง ส่งผลให้ GBP มีแนวโน้มอ่อนค่า ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูเทียบกับค่าเงิน USD ด้วย (คู่แข่ง) ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวแรงกว่าอังกฤษ GBP ก็อาจจะแข็งค่าขึ้นได้ หรือถ้าตลาดมองว่า 3.6% ยังสูงจน BoE “ไม่กล้าลดดอกเบี้ย” GBP ก็อาจจะดีดกลับ (Rebound) ได้เช่นกัน ดังนั้นเทรดเดอร์ควรเทรดตาม Technical หน้างานประกอบกับข่าวนี้ครับ ไม่ควรสวนเทรนด์ใหญ่

