Tuesday, November 11, 2025
32.4 C
Bangkok

แจกเงิน $2,000 จาก Tariffs Trump โว! เงินเหลือใช้หนี้ชาติ? เจาะลึก ‘ปันผลภาษี’ (Tariff Dividend) นี่คือเรื่องจริงหรือแค่เกมหาเสียง?

โคตรปัง หรือแค่ขายฝัน? แกะปม “$2,000 Tariff Dividend” ของ Trump ที่ทำให้ตลาดป่วน

 

ช่วงนี้ไทม์ไลน์การเงินเดือดปุดๆ เพราะ Donald Trump อดีตประธานาธิบดี (และผู้ท้าชิงคนสำคัญ) ออกมาจุดประเด็นร้อนแบบที่ทำให้สายเทรดต้องหันมามอง: เขาประกาศกร้าวว่าจะจ่ายเงิน “$2,000” ให้พลเมืองสหรัฐฯ กลุ่มรายได้ต่ำ-กลาง โดยเอาเงินมาจาก “Tariffs” หรือภาษีนำเข้าที่เก็บได้ แล้วที่พีคกว่าคือ “เงินที่เหลือ” จะเอาไปโปะหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อีกด้วย!

ฟังดูเหมือนดีลที่โคตรปัง… เหมือนได้เงินฟรี แถมหนี้ชาติยังลด! แต่พอลงรายละเอียดแล้วมันมีหลายชั้นเชิงให้คิด ทั้งด้านตัวเลขความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ ความเสี่ยงทางกฎหมายที่ศาลสูงกำลังพิจารณา และผลกระทบต่อตลาดที่เราเล่นกันอยู่ ทั้งค่าเงิน USD หุ้น ทองคำ และแน่นอน… Crypto วันนี้เราจะมาไล่เรียงแบบชัดๆ สไตล์ภาษาบ้านๆ อ่านง่าย แล้วเติมข้อมูลในจุดที่ทุกคนต้องรู้เพิ่มไปแบบจุกๆ

1. สรุปดราม่าสั้นๆ: Trump โพสต์อะไร และมันเกิดอะไรขึ้น?

 

ต้นตอของเรื่องนี้ก็คือโพสต์บนโซเชียลของ Trump เอง ที่ระบุว่า “เงินทั้งหมดที่เหลือจากการจ่าย $2,000 ให้ประชาชนรายได้ต่ำ-กลาง จากรายได้ภาษีนำเข้าที่ไหลเข้าประเทศ จะถูกนำไปใช้ลดหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ”

ประเด็นนี้ถูกหยิบไปพาดหัวในสื่อการเงินระดับโลกและชุมชนเทรดเดอร์ทันที เช่น ForexFactory และ CryptoCraft โดยทุกคนมองว่านี่คือ “นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ” ที่มีนัยยะสำคัญ

สื่อกระแสหลักอย่าง Newsweek, NYPost, และ Investopedia ก็อัปเดตต่อเนื่อง แต่โทนเริ่มไปในทาง “ข้อกังขา” ทั้งเรื่องงบประมาณ ความเป็นไปได้ทางกฎหมาย และสัญญาณจากฝั่งกระทรวงการคลัง (ที่อาจจะยังเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน) ว่าไอ้ “$2,000” เนี่ย อาจจะไม่ได้มาในรูปแบบ “เช็คเงินสด” แจกทุกคน แต่เป็นแค่ “สิทธิลด/ยกเว้นภาษี” บางประเภทแทน

2. $2,000 นี่ใครน่าจะได้? แล้วจะมาเป็นเช็คเงินสดจริงไหม?

 

ใครได้: โทนสื่อสารของ Trump คือ “ให้คนรายได้ต่ำ-กลาง” และ “ตัดคนรายได้สูง” ออก ซึ่งคล้าย targeted relief มากกว่าสวัสดิการถ้วนหน้า (universal) รายละเอียดเกณฑ์รายได้หรือกลไกจ่ายจริงยังไม่ประกาศ ณ ตอนนี้

มาแบบไหน: นี่คือจุดที่ทำให้ชาวบ้านหมดลุ้น! ฝ่ายนโยบายเริ่มส่งสัญญาณว่าอาจใช้ “ลดหย่อน/ยกเว้นภาษี” (Tax Credit/Exemption) แทน “เช็คเงินสด” เพราะวิธีหลังนี้จะทำได้ยากกว่ามากในกรอบกฎหมายการคลังปัจจุบัน

แอดมินเสริม: ถ้ามันมาในรูปแบบ “ลดภาษี” มันจะไม่รู้สึกว้าวเท่ากับ “เช็คเงินสด” ที่เข้าบัญชีทันที มันเป็นแค่การลดภาระที่ต้องจ่าย (หรือเพิ่มเงินคืนภาษี) ซึ่งความรู้สึก “โคตรปัง” ที่จะนำไปใช้จ่ายทันทีก็ลดลงอย่างมาก และทำให้ผลกระตุ้นเศรษฐกิจดูจืดลงไปเยอะเลย

3. แกะตัวเลข: รายได้จาก Tariffs มันพอจ่ายจริงเหรอ?

 

นี่คือประเด็นใหญ่ที่สุด และเป็นจุดที่ทำให้แผนนี้ดู “ขายฝัน” ตั้งแต่แรก

เม็ดเงินที่ต้องการจ่าย: ถ้าจะจ่าย $2,000 ให้กับชาวอเมริกันกลุ่มเป้าหมาย (สมมติคร่าวๆ 150 ล้านคน) ภาระที่ต้องจ่ายทันทีคือ $300,000 ล้านเหรียญ (หรือ $300 พันล้าน)

รายได้จาก Tariffs: จากการประเมินของสถาบันภาษีและ Investopedia พบว่ารายได้สุทธิจาก Tariffs หลังจากหักผลกระทบต่อรายได้ภาษีอื่น ๆ (ที่เก็บได้น้อยลงเพราะธุรกิจนำเข้าน้อยลง/กำไรลดลง) อาจเหลือแค่ราว $90–120 พันล้านเหรียญต่อปี เท่านั้น

ช่องว่างคือ $180,000 ล้านเหรียญ! ตัวเลขมันห่างกันคนละเรื่องเลย ทำให้เกิดช่องว่างงบประมาณชัดเจน คำถามคือจะเอาเงินส่วนต่างมหาศาลนี้มาจากไหน?

ความเข้าใจผิดเรื่อง Tariffs: หลายคนเข้าใจว่าภาษีนำเข้า (Tariffs) เนี่ย “จีน” เป็นคนจ่าย แต่ความเป็นจริงคือ Tariffs ถูกเรียกเก็บจาก ผู้นำเข้าของสหรัฐฯ (บริษัทอเมริกัน) นั่นแหละ ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็มักจะผลักภาระต้นทุนนี้ไปให้ ผู้บริโภคชาวอเมริกัน (ในรูปของราคาสินค้าที่แพงขึ้น หรือที่เรียกว่าเงินเฟ้อ) ดังนั้น การเอาเงินจาก Tariffs มาจ่ายให้คนอเมริกัน ก็คล้ายกับการเอาเงินที่เก็บจากคนกลุ่มนึง แล้วมาจ่ายคืนให้อีกกลุ่มนึง มันไม่ใช่ “เงินที่ชนะพนันมา” แต่มันคือ “เงินที่เก็บเพิ่มจากค่าครองชีพนั่นแหละ”

4. กับดักกฎหมาย: ศาลสูงนี่แหละตัวป่วนที่ทำให้ฝันสลาย

 

จุดชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่ ศาลสูงสหรัฐฯ (Supreme Court) ซึ่งกำลังพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของภาษีนำเข้าชุดใหญ่ที่ Trump เคยใช้ในวาระที่แล้ว (เช่น Section 301 Tariffs ต่อจีน)

ความเสี่ยงคืออะไร: หากศาลตัดสินว่าชุดภาษีนี้ขัดต่อกรอบกฎหมาย (เช่น รัฐบาลใช้เกินอำนาจที่ได้รับมอบจากสภา) กองรายได้ที่คาดหวังไว้เพื่อการจ่าย-ลดหนี้อาจ หายวับ เท่านั้นยังไม่พอ! รัฐบาลอาจต้อง คืนภาษี จำนวนมหาศาลให้กับเอกชนที่เคยจ่ายไปแล้ว กลายเป็นแรงลบต่อสมมติฐานทั้งหมด และสร้างภาระหนี้ก้อนใหม่ให้รัฐบาลแทนที่จะลด

สรุปง่ายๆ: แทนที่จะได้เงินมาแจก $2,000 อาจจะโดนศาลตบกลับให้ควักเงินคืนเอกชนแทน! นี่คือความเสี่ยงเชิงนโยบายที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างจริงจัง

5. สรุปแล้วมันคือ “เกมการเมือง” และ “นโยบาย Protectionism”

 

เราต้องไม่ลืมว่านโยบายนี้ถูกพูดถึงในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง (Election Year) แนวคิด “$2,000 Tariff Dividend” ของ Trump จึงเป็นนโยบายที่ ขายฝันได้ดีในเชิงการเมือง เพราะมันจับต้องง่าย (แจกเงิน) และฟังดูรักชาติ (ใช้ภาษีนำเข้าจากต่างชาติมาลดหนี้) แต่พอเอาเครื่องคิดเลขมากดจริง มันก็อย่างที่เราเห็นว่าตัวเลขมันไม่ถึง

การนำเสนอเรื่องนี้จึงเป็นการตอกย้ำ นโยบายกีดกันทางการค้า (Protectionism) และการใช้ Tariffs เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเป็นธีมหลักของ Trump มาตั้งแต่แรก

แอดมินฟันธง: นี่คือ “ธีมข่าวที่ทำให้ตลาดผันผวน” ณ นาทีนี้ ควรมองเป็น “การส่งสัญญาณทางการเมือง” ที่มีรายละเอียดเชิงปฏิบัติ/กฎหมายที่โคตรอ่อนแอ มากกว่า “เม็ดเงินแน่ๆ เข้าเศรษฐกิจ”

6. ผลกระทบต่อตลาดการเงิน: สายเทรดต้องมองยังไง?

 

  • ดอลลาร์สหรัฐ (USD):
    • ถ้าแผนนี้ล้มเหลว/เป็นแค่ลดภาษีเล็กน้อย: USD อาจจะผันผวนน้อยลง แต่ถ้าตลาดมองว่าความไม่แน่นอนด้านหนี้สาธารณะยังอยู่ และ Tariffs ก็กระตุ้น เงินเฟ้อ (Inflation) ให้สูงขึ้น ดอลลาร์ก็จะถูกกดดันในระยะกลาง เพราะ Fed ต้องทำงานยากขึ้น
    • ถ้าเป็นเช็คเงินสดจริง (โอกาสน้อย): จะหนุนกำลังซื้อระยะสั้น แต่จะเร่งเงินเฟ้อและหนี้ขาดดุลอย่างแรง ซึ่งเป็นลบต่อ USD โดยรวม
  • หุ้นสหรัฐฯ (Stocks): เม็ดเงินถึงมือผู้บริโภคอาจหนุนกลุ่มค้าปลีก/บริการ (Consumer Discretionary) ได้บ้าง แต่ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย/งบประมาณ จะกดดันหุ้นกลุ่มที่ต้องใช้วัตถุดิบนำเข้า (เพราะ Tariffs ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น) ทำให้ตลาดรวมเกิดความผันผวน
  • ทองคำ (XAUUSD): นโยบายที่เพิ่มความไม่แน่นอนด้านหนี้สาธารณะ และเสี่ยงต่อการกระตุ้นเงินเฟ้อ มักจะ หนุน Sentiment ของทองคำ ในฐานะ สินทรัพย์หลบภัย (Safe Haven Asset) ในระยะกลาง-ยาว หากตลาดตีความว่า “หนี้จะลดจริง” ทองจะลง แต่ถ้าตีความว่า “แผนล้มเหลว หนี้ยังพุ่ง” ทองจะกลับมาเป็นที่ต้องการอย่างแรง
  • คริปโต (BTCUSD): นโยบายการคลังที่ดูผ่อนคลายและกระตุ้น บวกกับดราม่าหนี้สาธารณะ จะไปขับเคลื่อน Narrative ของสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative/Hedge Asset) ให้เด่นขึ้น โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีอุปทานจำกัด (Fixed Supply) ตรงข้ามกับนโยบายรัฐบาลที่พร้อมจะพิมพ์เงินหรือสร้างหนี้แบบไม่มีที่สิ้นสุด

7. มุมเทรดเดอร์/นักลงทุนไทยควรรู้อะไรเป็นพิเศษ

 

สำหรับนักลงทุนไทยที่ถือครองสินทรัพย์ในสกุลเงิน USD หรือเทรด FX/Commodities ต้องจับตาเรื่องนี้ไว้ในฐานะ ปัจจัยสร้างความผันผวน (Volatility Trigger)

  1. จับตา THB/USD: ความผันผวนของ USD ที่เพิ่มขึ้นตามข่าวการเมืองสหรัฐฯ ย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาท (THB) ผันผวนตามไปด้วย
  2. ผลกระทบต่อต้นทุนนำเข้า: หากนโยบาย Tariffs ของ Trump ทำให้เกิดเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงขึ้น มันอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดโลกสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าของไทยโดยตรง
  3. ติดตามแหล่งข่าวเร็ว: ควรติดตามสื่อการเงินที่เคลื่อนไหวไว เช่น ฟีด “News” ของ ForexFactory ซึ่งอัปเดตโพสต์/คอมเมนต์จากเทรดเดอร์ทั่วโลกค่อนข้างเร็ว ใช้เป็นเรดาร์ข่าวได้ แต่เวลา “ตัดสินใจ” ควรอ้างอิงแหล่งหลักจากทำเนียบขาว, กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (US Treasury) หรือคำตัดสินศาลสูงเสมอ

บทสรุปแบบตรงไปตรงมา

 

แนวคิด “$2,000 Tariff Dividend” นั้น เป็นการตีฆ้องร้องป่าวทางการเมืองที่หวือหวา แต่มันยังเป็น “อากาศธาตุ” ที่ขาดความแข็งแกร่งทั้งในแง่ของตัวเลขรายได้ Tariffs และช่องทางกฎหมายที่กำลังรอคำตัดสินจากศาลสูงอยู่ข้างหน้า นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรบริหารความเสี่ยงให้ดี อย่ายึดติดกับพาดหัวข่าวเพียงอย่างเดียว และคอยอัปเดตข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้อยู่เสมอ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะเห็นเช็คเงินสดอยู่ในมือคนอเมริกันจริงๆ

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

This field is required.

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

Hot this 48 hr.

รัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ คืออะไร? ทำไมถึงกระทบไปทั่วโลก

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์” (U.S. Government Shutdown) ผ่านตามสื่อต่างประเทศ หรือแม้แต่ในข่าวเศรษฐกิจที่ไทยเองก็ยังรายงานบ่อยๆ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจจริงๆ...

DJI Mini 5 Pro เผยราคา–วันวางขายจากข่าวหลุด ล่าสุดถูกใจสายโดรนแน่ ถ้าจริง!

กระแสข่าวหลุดของ DJI Mini 5 Pro เริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟน ๆ...

Powell พูดอะไรวันนี้? สรุปสุนทรพจน์ประธาน Fed ล่าสุด พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบเศรษฐกิจโลก

วันนี้ (16 เมษายน 2025) ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาสุนทรพจน์สำคัญของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal...

Topics

รัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ คืออะไร? ทำไมถึงกระทบไปทั่วโลก

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์” (U.S. Government Shutdown) ผ่านตามสื่อต่างประเทศ หรือแม้แต่ในข่าวเศรษฐกิจที่ไทยเองก็ยังรายงานบ่อยๆ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจจริงๆ...

ดีล TikTok สไตล์ Trump: สัดส่วนนักลงทุนสหรัฐฯ ครองราว 80% เกมใหม่ของอัลกอริทึม–ดาต้า–คอนเทนต์

ดีลใหญ่ของ TikTok ในสหรัฐฯ กลายเป็น “หนังภาคต่อ” ที่ยืดเยื้อข้ามปี จนล่าสุดมีความคืบหน้าชัดเจนว่าโมเดลใหม่จะให้ “กลุ่มนักลงทุนสหรัฐฯ” เข้ามาถือควบคุมกิจการในสัดส่วน...

Related Articles

Popular Categories

spot_img