กกพ. มีมติเห็นชอบประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโซล่าร์รูฟท็อป สำหรับภาคประชาชน

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวไอทีเมามันส์ ทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติเห็นชอบประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโซล่าร์รูฟท็อป สำหรับภาคประชาชน ประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ไม่เกิน 10 กิโลวัตต์แล้ว ใครสนใจก็ตามมาดูรายละเอียดที่ด้านล่างนี้เลย

สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้

โดยทางการจะรับซื้อต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ระยะเวลารับซื้อ 10 ปี ตามเป้าหมาย 10 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพื้นที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 5 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 5 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อที่หน่วยละ 2.20 บาท

สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ มีรายละเอียดของประกาศดังนี้

  1. ไม่จำกัดเวลาการยื่นคำขอ แต่ยังคงเน้นกระบวนการพิจารณาคำขอขาย ตามเวลาที่กำหนด และผู้เสนอขายส่วนเกินจะต้องดำเนินการติดตั้งและตรวจสอบระบบให้แล้วเสร็จภายใน 270 วัน นับจากวันลงนามในสัญญาซื้อขาย
  2. กรณีคำขอขายไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพิจารณาในปี 2564 ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายแจ้งผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าดำเนินการ ต่อตามขั้นตอนตามประกาศฉบับนี้
  3. กรณีคำขอขายที่ผ่านการพิจารณาแล้วในปี 2564 และยังไม่ถูกยกเลิกให้การไฟฟ้าแจ้งผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้ามาลงนามสัญญา ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง

สำหรับมติดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง โดยติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปในบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและสามารถนำส่วนที่เหลือมาขายเข้าระบบได้ ตามมาตรการลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผันผวน และมีราคาสูง โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอจำหน่ายไฟฟ้า ณ กฟน. และกฟภ. ได้ทั่วประเทศ ตามพื้นที่รับผิดชอบ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ สำนักงาน กกพ.

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This