ถ้าพูดถึง SUV ที่โคตรจะไอคอนิก ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ชื่อของ Mercedes G-Class หรือที่เรียกติดปากว่า G-Wagen ต้องลอยขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆ แน่นอน ด้วยทรงกล่องเหลี่ยมๆ ดุดัน เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้ G-Wagen กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราแบบลุยๆ ที่ฮิตในหมู่คนดังและเศรษฐีทั่วโลก
แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ทันยุค 90s – 2000s จะรู้ดีว่าครั้งหนึ่ง G-Class เคยมีเวอร์ชันที่พิเศษกว่านั้น นั่นคือ G-Class Cabriolet ที่เป็นตัวถังสั้น 2 ประตู เปิดประทุนได้! ซึ่งมันหายไปจากไลน์อัปนานหลายปี จนล่าสุดมีข่าวดีสุดๆ จาก Motor1 และสื่อรถระดับโลกว่า… G-Class Cabriolet กำลังจะกลับมาทำตลาดอีกครั้ง แถมคราวนี้มีลุ้นทำตลาดในวงกว้างทั่วโลกด้วย (บอกเลยว่าเตรียมตัวดูคันจริงบนถนนเมืองไทยได้เลย!)
ย้อนรอยตำนาน G-Cabriolet รุ่น Limited Edition
ก่อนจะไปตื่นเต้นกับรุ่นใหม่ เรามามองรุ่นเก่ากันนิดนึง G-Class Cabriolet รุ่นก่อนหน้าเป็นตัวถังแบบ 2 ประตูช่วงสั้น (Short Wheelbase) ที่ผลิตในช่วงปี 1999–2013 ซึ่งผลิตออกมาในจำนวนจำกัดมากๆ กลายเป็นของหายากสำหรับนักสะสมรถตัวยงเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ครอบครอง
และที่โหดกว่านั้นคือ G-Class Landaulet ที่เป็นรุ่นเปิดหลังคาได้เหมือนกัน แต่พรีเมียมกว่าและโคตรแรร์ ตัวนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 และช่วงล่างพิเศษแบบพอร์ทัลแอกเซิล (Portal Axles) ยกสูงแบบรถลุยขั้นสุด ตอนนี้ราคาพุ่งไปหลักสิบล้าน (หรืออาจจะร้อยล้าน) กลายเป็นตำนานที่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร (Car and Driver)
จุดเด่นของ G-Class เปิดประทุนดั้งเดิมคือ มันยังคงความดุดัน ลุยได้เต็มที่เหมือน G-Wagen ปกติทุกประการ แต่ด้านหลังเปลี่ยนเป็น หลังคาผ้าใบ ที่พับเก็บได้ ให้ฟีลขับเปิดหลังคาชมวิวทิวทัศน์ริมทะเล หรือจะขึ้นดอยแม่สลองแบบลมตีหน้า ก็ยังไหว!
G-Class Cabriolet ใหม่: ไม่ใช่แค่เปิดประทุน แต่ฟังก์ชันแน่นขึ้น
ข้อมูลที่สื่อรถต่างประเทศอย่าง Motor1 แฉออกมา บอกชัดเจนว่า G-Class Cabriolet ใหม่จะยังคงคาแรกเตอร์ “รถลุยตัวจริง” เอาไว้ครบถ้วนเหมือน G-Class รุ่นมาตรฐาน แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือ “อิสระเหนือหัว” ด้วยหลังคาผ้าใบที่ออกแบบมาใหม่ทั้งหมด
-
เปลี่ยนเป็น 4 ประตูเต็มตัว: สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นเก่าแบบหน้ามือเป็นหลังมือคือ Mercedes ตัดสินใจ ไม่ทำเป็นตัวถังสั้น 2 ประตูแล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้ตัวถัง 4 ประตูเต็มรูปแบบ! ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น นั่งสบายขึ้น และใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริงมากขึ้น (สังเกตได้ชัดจากภาพทีเซอร์และภาพหลุดที่ใช้ทดสอบบนท้องถนน)
-
ดีไซน์คงเอกลักษณ์: ถึงแม้จะเป็นรุ่นเปิดประทุน แต่ DNA ของ G-Class ยังอยู่ครบ ทั้งทรงกล่องเหลี่ยม หน้าตรงๆ ฝากระโปรงคมกริบ เสา A ที่ตั้งชัน และประตูทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ และแน่นอนว่า ฝาท้ายยังเปิดข้าง พร้อมยางอะไหล่แขวนอยู่ด้านนอก เหมือนเดิมเป๊ะ!
-
ขุมพลังสายลุย: คาดการณ์ว่ารุ่นเริ่มต้นจะใช้พื้นฐานจาก G550 ซึ่งหมายถึงเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC และเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ระดับพรีเมียม ทำให้สมรรถนะการลุยยังคงจัดเต็ม ไม่ต้องกลัวว่าเปิดประทุนแล้วจะลุยไม่ได้ (Motor1.com)
ระบบหลังคาผ้าใบสุดล้ำ: เปิด-ปิดง่ายแค่ปลายนิ้ว
แม้ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เห็นภาพเต็มๆ แบบไม่พรางตัว แต่จากภาพทดสอบจะเห็นว่าหลังคาผ้าใบถูกออกแบบให้พับเก็บไปด้านท้ายรถได้อย่างแนบเนียน ทำให้ห้องโดยสารเปิดโล่งตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนรถเปิดประทุนคันใหญ่หรูๆ
แน่นอนว่าการออกแบบตัวถังของรถเปิดประทุนสายลุยแบบนี้เป็นความท้าทายสุดๆ ของวิศวกร เพราะโครงสร้างต้องแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับแรงบิดและแรงกระแทกจากการขับขี่แบบออฟโรด ทั้งทางหิน ทางดิน หรือการไต่เนินชัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รถสปอร์ตเปิดประทุนทั่วไปทำไม่ได้
คาดว่าระบบเปิด-ปิดหลังคาจะเป็นแบบ ระบบไฟฟ้าทั้งชุด (Fully Electric) เพียงแค่กดปุ่ม หลังคาก็จะพับเก็บให้เรียบร้อยภายในเวลาไม่กี่วินาที ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่อยากเปิดหลังคาชิลๆ แต่ยังคงความเท่แบบดิบๆ ไว้ครบถ้วน
เซอร์ไพรส์ใหญ่: มีสิทธิ์เห็นเวอร์ชันไฟฟ้า 100%
สิ่งที่ทำให้ G-Class Cabriolet ใหม่น่าตื่นเต้นขึ้นไปอีกคือเรื่องขุมพลัง Autocar India และสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า นอกจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 แล้ว มีโอกาสสูงมากที่จะมีทางเลือกของขุมพลังไฟฟ้าเข้ามาด้วย! โดยอาจนำเทคโนโลยีมาจากรุ่น G580 with EQ Technology ที่เป็นรุ่นไฟฟ้าเต็มตัว
ถ้าเวอร์ชันไฟฟ้าเปิดประทุนเกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นก้าวสำคัญของ Mercedes และตลาดรถหรูทั้งโลก เพราะเท่ากับว่าเรากำลังจะได้เห็น SUV เปิดประทุนที่ทั้งเงียบกริบ แต่แรงบิดจัดเต็ม พร้อมลุยออฟโรดได้จริง ซึ่งตอนนี้แทบจะไม่มีคู่แข่งในตลาดเลยแม้แต่รายเดียว! ภาพถ่ายสปายช็อตยังเผยให้เห็นดิฟเฟอเรนเชียลด้านหลังอย่างชัดเจน เป็นการตอกย้ำว่า แม้จะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า หรือเปิดประทุน แต่หัวใจของการเป็นรถลุยยังไม่หายไปไหน (Autocar India)
ทดสอบสุดโหด: ลุยออสเตรีย สู้หนาวสวีเดน
Mercedes ไม่ได้ทำรถคันนี้ออกมาเพื่อแค่ถ่ายรูปสวยๆ ลง IG เท่านั้น ล่าสุดพวกเขาได้ปล่อยภาพการทดสอบ G-Class Cabriolet ในแบบพรางตัวที่ประเทศ ออสเตรีย ทั้งการขับบนถนนปกติ และการนำไปลุยเส้นทางทดสอบออฟโรดสุดโหด เพื่อเช็กความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถัง และการทำงานของกลไกหลังคาผ้าใบ รวมถึงการเก็บเสียงและกันลมเมื่อต้องขับด้วยความเร็วสูง
และหลังจากนั้น รถคันนี้จะถูกส่งต่อไปทดสอบในสภาพอากาศสุดขั้วที่หนาวจัดถึง สวีเดน เพื่อดูว่าระบบกลไกเปิด-ปิดหลังคา ซีลยางต่างๆ และโครงสร้างทั้งหมดจะทนทานต่ออุณหภูมิต่ำ หิมะ และน้ำแข็งได้ดีแค่ไหน (Car and Driver) การทดสอบที่หนักหน่วงขนาดนี้ เป็นการรับประกันคุณภาพว่ารถคันนี้จะใช้งานได้จริงในทุกสภาพอากาศ
กำหนดการเปิดตัว และโอกาสเข้าไทย
Mercedes ยังคงเก็บวันเปิดตัวที่แน่ชัดไว้เป็นความลับ แต่หลายสำนักข่าวคาดการณ์ว่ารถคันนี้จะเข้าใกล้โฉมพร้อมขายในช่วง ปี 2026 โดยน่าจะเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ใหญ่ในยุโรป ก่อนจะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก
ที่น่าดีใจกว่านั้นคือ Autoweek รายงานว่า G-Class Cabriolet ใหม่มีแผนทำตลาด “เกือบทุกภูมิภาคทั่วโลก” ซึ่งรวมถึงตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาด้วย (ต่างจากรุ่นพิเศษอื่นๆ ที่มักจะจำกัดตลาดไว้แค่ยุโรป)
สำหรับแฟนๆ ใน กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่ หรือจังหวัดอื่นๆ ในไทย แม้ว่าโอกาสที่ Mercedes-Benz Thailand จะนำเข้าอย่างเป็นทางการอาจจะต้องลุ้นกันหนักหน่อย แต่ด้วยความที่เป็น G-Class สุดยูนีค บวกกับความเป็นรถเปิดประทุนระดับไฮเอนด์ เชื่อขนมกินได้เลยว่า ผู้นำเข้าอิสระ (เกรย์มาร์เก็ต) จะต้องรีบคว้าเข้ามาให้เศรษฐีไทยได้จับจองแน่นอน! และเมื่อมันเข้ามาสู่ถนนบ้านเราเมื่อไหร่ รับรองว่ากลายเป็น “ของเล่นใหม่” ที่คนรักรถต้องหันมองตามจนคอเคล็ดแน่นอน!
FAQ 3 topics
-
1. G-Cabriolet ใหม่ จะมาพร้อมเครื่องยนต์อะไรบ้าง? และทำไมถึงเป็น 4 ประตู?
-
คำตอบ: คาดว่ารุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบ (พื้นฐานจาก G550) พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC และมีโอกาสสูงที่จะมีเวอร์ชันไฟฟ้า 100% หรืออย่างน้อยก็ใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าบางส่วนร่วมกับรุ่น G580 with EQ Technology ในอนาคต
-
สาเหตุที่เปลี่ยนเป็น 4 ประตู คือเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและความสะดวกสบายในการขึ้นลง ให้รถสามารถใช้งานได้จริงมากขึ้นในฐานะรถไลฟ์สไตล์หรู ไม่ได้เน้นการสะสมแบบ Limited Edition เหมือนรุ่นก่อนหน้า
-
-
2. มันยังลุยออฟโรดได้จริงอยู่ไหม? แล้วหลังคาผ้าใบจะทนทานหรือเปล่า?
-
คำตอบ: Mercedes ยืนยันว่า DNA ของความเป็น “รถลุยตัวจริง” ยังอยู่ครบถ้วน! ตัวรถถูกออกแบบโครงสร้างให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรดได้เหมือน G-Class ปกติ (มีภาพทดสอบที่เผยให้เห็นดิฟเฟอเรนเชียลด้านหลัง)
-
ส่วนหลังคาผ้าใบก็ถูกทดสอบอย่างหนักในทุกสภาพอากาศ ทั้งการขับเร็วสูงและอุณหภูมิติดลบในสวีเดน คาดว่าระบบเปิด-ปิดเป็นแบบไฟฟ้าทั้งชุด และออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีเยี่ยม
-
-
3. G-Class Cabriolet ใหม่นี้ เหมาะกับใครเป็นพิเศษ? และถ้าเข้าไทย ราคาจะประมาณไหน?
-
คำตอบ: เหมาะกับคนที่รัก G-Wagen อยู่แล้ว แต่อยากได้ความยูนีคและโดดเด่นไม่ซ้ำใคร, คนที่ชอบรถเปิดประทุนแต่ไม่อยากทิ้งความสามารถในการลุยทางวิบาก, หรือสายไลฟ์สไตล์ที่ชอบขับรถชมวิวเขา-ทะเลแบบหรูๆ
-
ด้านราคายังไม่มีการเปิดเผย แต่ด้วยการเป็น G-Class + เปิดประทุน + รุ่น 4 ประตูใหม่ ราคาน่าจะสูงกว่า G-Class รุ่นมาตรฐานพอสมควร หากเข้ามาโดยผู้นำเข้าอิสระ (เกรย์) คาดว่าตัวเลขเมื่อบวกภาษีและค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว น่าจะอยู่ในระดับไฮเอนด์ที่สุดของตลาด SUV เปิดประทุนในไทยแน่นอน
-

