การค้นพบใหม่ ใช้กระแสไฟฟ้าส่งผ่านเข้าที่หูสามารถช่วยชะลอวัยได้ !

Must Read

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวไอทีเมามันส์ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวที่น่าสนใจด้านวิทยาศาสตร์งานวิจัยเพื่อสุขภาพ สำหรับบทความนี้เราจะขอนำเสนอวิธีบำบัดใหม่ใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนแตะใบหูช่วยชะลอวัย ซึ่งวิธีการนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไร เราลองมาศึกษาดูรายละเอียดกันเลย 


ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลีดส์ของสหราชอาณาจักร ค้นพบวิธีการบำบัดเพื่อชะลอวัยแบบใหม่ โดยใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ กระตุ้นที่ใบหูเพื่อรักษาสมดุลของระบบประสาทในร่างกาย ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อวัยวะสำคัญหลายชิ้นทำงานเป็นปกติ

ผลการศึกษาข้างต้นตีพิมพ์ในวารสาร Aging โดยทีมผู้วิจัยชี้ว่า การกระตุ้นใบหูด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่จะเป็นการส่งสัญญาณไปยังเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 (Vagus nerve) ซึ่งเชื่อมต่อกับหัวใจ ปอด และลำไส้ ทำให้ผู้สูงวัยที่เข้ารับการบำบัดมีสุขภาพร่างกาย อารมณ์ และการนอนหลับดีขึ้น

ทีมผู้วิจัยอธิบายว่าใบหูเป็นเสมือนประตูสู่ระบบประสาทภายในร่างกาย โดยผิวของหูชั้นนอกบางส่วนเชื่อมต่อกับเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 บางแขนง ทำให้สามารถจะกระตุ้นเส้นประสาทดังกล่าวด้วยไฟฟ้าผ่านใบหูได้โดยไม่เจ็บ ผู้รับการบำบัดบางรายบอกว่ารู้สึกเหมือนถูกจั๊กจี้เท่านั้น

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 มีความยาวมากและเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดีทั่วร่างกาย ทำหน้าที่สื่อสัญญาณข้อมูลจากสมองไปยังอวัยวะต่าง ๆ ทั้งยังเป็นพื้นฐานของระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) ซึ่งประกอบด้วยระบบประสาทซิมพาเทติก (SNS) และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (PNS) โดยระบบประสาทเหล่านี้ช่วยควบคุมการหายใจ การย่อยอาหาร ความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจด้วย

การบำบัดจะใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ กระตุ้นที่ใบหูโดยไม่เจ็บ ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังระบบประสาท
ทีมผู้วิจัยเชื่อว่าเมื่อคนเราแก่ชราลง สมดุลการทำงานระหว่างระบบประสาทซิมพาเทติกและพาราซิมพาเทติกจะเริ่มรวนเร โดยระบบประสาทซิมพาเทติกที่เตรียมร่างกายให้พร้อมรับภาวะฉุกเฉินจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือกว่า ทำให้คนแก่มีปัญหาความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจ ซึมเศร้าวิตกกังวลง่าย ในขณะที่ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกซึ่งช่วยให้ผ่อนคลายและช่วยย่อยอาหารจะเริ่มทำงานน้อยลง

มีการทดลองให้อาสาสมัครสุขภาพดีอายุ 55 ปีขึ้นไป จำนวน 29 คน เข้ารับการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าที่ใบหูทุกวันเป็นเวลา 15 นาที โดยกระตุ้นติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าวิธีนี้สามารถบำบัดภาวะระบบประสาททำงานไม่สมดุลกันอย่างได้ผล โดยพบว่าระบบพาราซิมพาเทติกมีการทำงานเพิ่มสูงขึ้น ส่วนระบบซิมพาเทติกทำงานลดลง

ดร. เบียทริซ เบรเทอร์ตัน หนึ่งในทีมผู้วิจัยบอกว่า “ผลการทดสอบในกลุ่มเล็กครั้งนี้ยังเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง เรายังคงจะต้องศึกษาต่อไปให้ลึกซึ้งถึงผลระยะยาวของการบำบัด รวมทั้งผลที่จะเกิดขึ้นต่อการรักษาโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ เช่นกรณีหัวใจล้มเหลว ลำไส้แปรปรวน หรือโรคซึมเศร้า”

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

ปรับตัวใหม่! ตลาดหุ้นโลกและผลการประชุมธนาคารกลางส่งสัญญาณอะไรบ้าง?

สัปดาห์นี้เราเห็นการเคลื่อนไหวใหญ่ในตลาดหุ้นทั่วโลก ที่มาพร้อมกับการตัดสินใจสำคัญจากธนาคารกลางหลายแห่ง ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยไปจนถึงการอัปเดตเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ให้สัญญาณว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตามด้วยธนาคารกลางสวิสฯ ที่เริ่มต้นด้วยการลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นการตอบสนองต่อเงินเฟ้อที่ลดลง ในอีกด้านของโลก, ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่ยังคงนโยบายการซื้อพันธบัตร เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในขณะนี้...
- Advertisement -

More Articles Like This