ข่าวดี รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ล็อตใหญ่เตรียมเข้าไทยอีก 1,580 คัน

Must Read

สวัสดีคอยานยนต์ ผู้ที่ชื่นชอบในรถยนต์ไฟฟ้า และสาวบีวายดีทุกคน ครั้งนี้เรามีข่าวดีจะมาแจ้งให้คุณได้ทราบว่า ตอนนี้ BYD เตรียมส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Dolphin มาขายในไทยอีก 1,580 คัน แล้ว เนื่องจากมีกระแสตอบรับที่ดีมาก ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามอ่านกันเลย

 สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เป็นดังนี้

  • ล่าสุด บริษัท BYD ค่ายยานยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากประเทศจีนก็ได้เตรียมส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Dolphin ล็อตใหญ่มายังประเทศไทยเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด EV ภายในประเทศ และหวังเจาะตลาดรถไซส์เล็ก แข่งขันกับ Neta V ที่ครองตลาดไทยในรถ EV เซ็กเมนต์นี้อยู่

  • โดยทาง BYD ได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Dolphin (เวอร์ชั่นเดียวกับที่ขายในยุโรป) มายังประเทศไทยจำนวน 1,580 คัน พร้อมๆ กับรถรุ่นอื่นของบริษัท ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ซึ่งคาดว่าล็อตดังกล่าวจะเดินทางมาถึงไทยภายใน 12-15 วัน

  • อย่างไรก็ตาม BYD วางขายรถ Dolphin สองเวอร์ชั่นคือเวอร์ชั่นที่วางขายภายในประเทศ และในอเมริกาใต้บางประเทศ ส่วนอีกเวอร์ชั่นคือ เวอร์ชั่นสำหรับขายในยุโรปและหลายประเทศ เช่น ไทย และมาเลเซีย ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ตัวรถมีขนาดใหญ่กว่า ดูโอ่อ่า ภูมิฐานยิ่งกว่า

  • สำหรับราคาของ BYD Dolphin ในไทยอยู่ที่ 699,999 – 859,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาถูกกว่าในมาเลเซีย 12.5% และถูกกว่าในยุโรป 25%

  • นอกจากนี้ BYD Dolphin เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีเป็นอันดับ 5 ในประเทศไทยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยตามหลังอันดับ  1-4 คือ BYD Atto 3, Neta V, Tesla Model Y, และ Ora Good Cat ตามลำดับ

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวสำคัญจากค่าย BYD ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนที่กำลังอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดคันใหม่สักคัน และเมื่อได้ทราบแล้ว ใครที่สนใจอยากได้รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ก็เตรียมตัวกันไว้เลย เพราะล็อตใหญ่น่าจะใกล้มาถึงไทยแล้วในเร็ววันนี้

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก: ผลกระทบจาก Fed, ราคาน้ำมัน

ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการปรับตัวลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ภายใต้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันพบกับความผันผวน โดยมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน และลดลงในวันที่ 8 เมษายน หลังการเจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง ทองคำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวในไต้หวันส่งผลกระทบจำกัดต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป และตลาดหุ้นจีนได้รับประโยชน์จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด เงินเฟ้อในยุโรปก็แสดงถึงการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในเดือนมิถุนายน ด้านผู้จัดการกองทุนต่างคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะแกว่งตัวตามข้อมูลเงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ ภาพรวมตลาดที่ผ่านมาแกว่งตัวในแนวข้าง...
- Advertisement -

More Articles Like This