ทุกคนที่ติดตามเศรษฐกิจโลก หรือสายเทรดค่าเงิน GBP คงได้ยินข่าวช็อกไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ทาง Office for National Statistics (ONS) ของอังกฤษได้ปล่อยรายงาน “Retail sales, Great Britain: October 2025” ออกมาแบบสด ๆ ร้อน ๆ และตัวเลขที่เห็นก็ทำเอาหลายคนต้องขมวดคิ้ว!
หัวใจของรายงานนี้คือการบอกเล่าพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวอังกฤษ ซึ่งสะท้อนกำลังซื้อและความมั่นใจในชีวิตได้ชัดเจนที่สุด และสำหรับนักลงทุนหรือคนที่ทำธุรกิจรีเทล/อีคอมเมิร์ซในไทย นี่คือกรณีศึกษาสำคัญที่ต้องรู้ไว้
สรุปสั้นๆ: ตุลานี้ คนอังกฤษ “หยุดหายใจ” ชั่วคราว
แม้ว่าถ้ามองภาพรวมแบบ “3 เดือนล่าสุด” จนถึงตุลาคม 2025 ยอดขายปลีกในแง่ปริมาณสินค้าที่ถูกซื้อ (volume) จะยังเติบโตอยู่ก็ตาม แต่ตัวเลข “รายเดือนของเดือนตุลาคม” กลับหดตัวลงไปถึง 1.1% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2025 ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เลยทีเดียว
ตัวเลขนี้สำคัญยังไง? ถ้ามองย้อนไป เดือนกันยายนที่ผ่านมาเพิ่งถูก ONS ปรับทบทวนตัวเลขจากเดิมโต 0.5% เป็น 0.7% และสิงหาคมก็โต 0.5% แสดงว่าช่วงหน้าร้อนก่อนหน้านี้คนช้อปสนุกมือพอสมควร แต่พอเข้าช่วงปลายปีและเจอข่าวเศรษฐกิจไม่ดีต่อเนื่อง ก็เริ่มมีอาการ “เบรก” การใช้จ่ายอย่างรุนแรงในเดือนตุลาคมนี่แหละ
แต่ถ้ามองในมุมที่ยังใจชื้นได้บ้าง ภาพใหญ่ยังไม่ถึงกับถดถอย เพราะเมื่อเทียบแบบ 3 เดือนถึงตุลาคม 2025 กับ 3 เดือนก่อนหน้า (ถึงกรกฎาคม) ปริมาณสินค้าที่ซื้อยังเพิ่มขึ้น 1.1% และเทียบกับตุลาคมปีที่แล้วก็ยังบวก 0.4% อยู่ นั่นแปลว่ากำลังซื้อไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่คนกำลังใช้ “กลยุทธ์การช้อป” ที่ชาญฉลาดขึ้นเท่านั้นเอง
พฤติกรรม “รอโปร” ที่ทรงพลังกว่าที่คิด
ONS และร้านค้าหลายแห่งรายงานตรงกันว่า สาเหตุหลักที่ยอดตุลาคมดรอปคือ ผู้บริโภคกำลัง “เลื่อนการใช้จ่าย” (Delayed Spending) เพื่อไปรอโปรโมชันลดราคาครั้งใหญ่ประจำปีอย่าง Black Friday และ Cyber Monday ที่จะมาถึงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
คนอังกฤษในยุคที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพสูง (Cost of Living Crisis) และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Bank of England (ปัจจุบัน 4.00%) ได้กลายเป็นนักช้อปที่รัดกุมและคำนวณคุ้มค่าที่สุด การใช้จ่ายเงินในแต่ละบาทต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นแทนที่จะซื้อเสื้อโค้ทตัวใหม่ในเดือนตุลาคมราคามูลค่าเต็ม (Full Price) พวกเขาก็อดใจรออีกไม่กี่สัปดาห์ เพื่อหวังส่วนลด 30-50%
กลุ่มที่โดนผลกระทบหนัก:
-
-
ร้านเสื้อผ้า (Clothing Stores): ตกลงอย่างชัดเจนหลังพีกในกันยายน เพราะเป็นสินค้าแฟชั่นที่ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ
-
ซูเปอร์มาร์เก็ต: ยอดขายติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง สะท้อนว่าขนาดของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน คนยังเริ่มคุมค่าใช้จ่าย
-
ร้านค้าออนไลน์ (Mail Order / Online): ยอดลดลงตามไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มแฟชั่น เพราะลูกค้าชะลอการกดจ่ายเงิน หรือแค่ใส่ของลงตะกร้าทิ้งไว้ก่อนรอส่วนลด
-
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมช้อปออนไลน์ยังคงเป็นเส้นเลือดใหญ่ ONS ระบุว่า ยอดใช้จ่ายออนไลน์ในภาพรวม 3 เดือนยังเพิ่มขึ้นถึง 3.0% เมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อนหน้า และมีสัดส่วนต่อยอดค้าปลีกทั้งหมดทรงตัวที่ 28.1% ซึ่งหมายความว่า ออนไลน์ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราวจากยุคโควิดอีกต่อไป แต่เป็นวิถีชีวิตไปแล้ว เพียงแค่เดือนตุลาคมเป็นช่วง “พักรบ” ก่อนสงครามช้อปปิ้งจริงจะเริ่มเท่านั้น
ภาพใหญ่: ทำไมคนอังกฤษถึงไม่กล้าใช้เงินเหมือนเดิม?
แม้ว่าการรอ Black Friday จะเป็นสาเหตุระยะสั้น แต่ถ้าเรามองลึกไปถึงโครงสร้างเศรษฐกิจจะเห็นภาพที่น่ากังวลกว่า:
-
กำลังซื้อยังไม่กลับจุดพีค: ยอดขายปลีกเดือนตุลาคม 2025 ยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด (เดือนกุมภาพันธ์ 2020) ถึง 3.3% นี่คือสัญญาณว่าคนยังไม่กลับไปใช้จ่ายแบบเต็มที่เหมือนเดิม
-
พิษดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ: ข้อมูลเศรษฐกิจที่เราทราบ ณ ช่วงนี้คืออัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนตุลาคม 2025 ลดลงมาเล็กน้อยที่ 3.6% (จาก 3.8% ในเดือนก่อนหน้า) แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของ Bank of England (2%) ในขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายยังยืนอยู่ที่ 4.00% การที่ค่าครองชีพสูงและภาระหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคจำต้องวางแผนการเงินอย่างรัดกุมที่สุด
-
ความกังวลด้านการเมือง/งบประมาณ: ใกล้ช่วงที่มีการประกาศงบประมาณของรัฐบาล (Budget) ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนภาษีหรือนโยบายบางอย่าง ความไม่แน่นอนนี้ยิ่งทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยออกไปก่อน
บทเรียนที่ไทยควรรู้จาก ‘Great Britain’
สำหรับคนทำธุรกิจรีเทล หรืออีคอมเมิร์ซใน Specific หรือที่ไหนก็ตาม เคสของอังกฤษในปี 2025 นี้เป็นเหมือนคำเตือนล่วงหน้า:
-
บริหาร Cash Flow ในช่วง “รอโปร”: หากคุณมีแคมเปญใหญ่ในช่วงปลายเดือนหรือปลายไตรมาส ต้องยอมรับว่ายอดขายช่วงต้นเดือนจะดรอปตามไปด้วย ธุรกิจต้องออกแบบกิจกรรมการตลาดช่วงต้นเดือนใหม่ เช่น โปรโมชันสะสมแต้ม, คอนเทนต์สร้างความตื่นเต้น (Teasing Content) หรือมินิโปรเล็ก ๆ เพื่อรักษาการเงิน (Cash Flow) ไม่ให้เหวี่ยงจนเกินไป
-
รู้จังหวะ Product Launch: สินค้ากลุ่มแฟชั่นและเทคโนโลยี (อย่างที่เห็นว่าร้านคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมยังทำได้ดี) มีวงจรชีวิตที่ชัดเจน การวางแผนสต็อกและการยิงแอดต้องผูกกับฤดูกาล (หน้าหนาว) และการเปิดตัวสินค้าใหม่เท่านั้น ห้ามพลาด!
-
Omni-channel คือเรื่องปกติใหม่: สัดส่วนการช้อปออนไลน์ที่ 28.1% คือตัวเลขที่สูงมาก แสดงว่าคนอังกฤษใช้ชีวิตแบบ Omni-channel สลับไปมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ธุรกิจไทยที่กำลังเติบโตต้องลงทุนในระบบ UX, ระบบจ่ายเงินที่ยืดหยุ่น, โลจิสติกส์ที่รวดเร็ว และที่สำคัญคือระบบ CRM/สะสมแต้มที่เชื่อมโยงระหว่างหน้าร้านและออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ
มุมมองสำหรับนักลงทุนและสายเทรด (Forex)
ตัวเลขยอดขายปลีกนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของคนขายของ แต่เป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพของเศรษฐกิจที่ Bank of England (BoE) ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
การที่ยอดขายปลีกออกมาอ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ (ตลาดคาดว่าน่าจะทรงตัว/ติดลบเล็กน้อย แต่จริง ๆ คือร่วงถึง 1.1%) ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “เศรษฐกิจอังกฤษกำลังชะลอตัว” และแรงกดดันจากฝั่งผู้บริโภคก็มีมากขึ้น
-
ผลต่อ BoE: ข้อมูลนี้ไปเสริมกับตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง (3.6%) ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า BoE จะต้องเริ่ม “ลดดอกเบี้ย” ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 โดยตอนนี้ตลาดให้น้ำหนักถึง 80-85% ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 3.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
-
ผลต่อ GBP: ทันทีที่ตัวเลขยอดขายปลีกอ่อนแอออกมา และความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าเงิน GBP ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เช่น USD หรือ EUR เพราะนักลงทุนมองว่านโยบายการเงินของอังกฤษกำลังจะผ่อนคลายลง
โดยสรุป รายงานเดือนตุลาคม 2025 ของ Great Britain คือภาพสะท้อนของ “ผู้บริโภคที่กำลังประหยัดอย่างมีกลยุทธ์” ไม่ใช่การล้มลงของเศรษฐกิจอย่างถาวร แต่เป็นสัญญาณเตือนว่ายุคของการใช้จ่ายแบบไม่คิดหน้าคิดหลังได้สิ้นสุดลงแล้ว และทุกคนกำลังรอดีลใหญ่ส่งท้ายปีเพื่อระบายกำลังซื้อที่อั้นไว้
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Q1: ทำไมคนอังกฤษถึงพากัน “งดช้อป” ในเดือนตุลาคม 2025 จนยอดขายร่วง?
A: ONS รายงานชัดเจนว่าร้านค้าทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเสื้อผ้า และออนไลน์บอกตรงกันว่า ลูกค้าเลือกที่จะ “เลื่อน” การใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อรอโปรโมชันลดราคาครั้งใหญ่ประจำปีอย่าง Black Friday ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้ยอดขายในเดือนตุลาคมถูกดึงออกไปสู่เดือนถัดไป
Q2: สรุปแล้วเศรษฐกิจรีเทลของอังกฤษแย่จริงไหม? แล้วเมื่อไหร่จะกลับไปคึกคักเหมือนก่อน ‘โควิด’?
A: ภาพรวม 3 เดือนถึงตุลาคม 2025 “ยังไม่ถือว่าแย่” เพราะปริมาณการซื้อ (volume) ยังเติบโต 1.1% แต่ถ้าเทียบกับก่อนโควิด (กุมภาพันธ์ 2020) กำลังซื้อยังต่ำกว่าอยู่ราว 3.3% นั่นหมายความว่าภายใต้แรงกดดันจากเงินเฟ้อสูงและดอกเบี้ย 4.00% คนอังกฤษยังคงระวังการใช้จ่ายและไม่กล้ากลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
Q3: ตัวเลขยอดขายปลีกชุดนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของ ‘Bank of England’ และค่าเงิน ‘GBP’ ยังไงบ้าง?
A: ยอดขายปลีกที่อ่อนแอกว่าคาด (ดรอป 1.1%) ถือเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ซึ่งจะไปเพิ่มน้ำหนักให้กับฝั่งที่สนับสนุนให้ Bank of England (BoE) “ลดดอกเบี้ย” ลง (จาก 4.00%) ในการประชุมเดือนธันวาคม 2025 เพื่อกระตุ้นการเติบโต หาก BoE ลดดอกเบี้ยจริงตามคาด อาจส่งผลให้ค่าเงิน GBP อ่อนค่าลงได้ในระยะสั้น

