การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 (ตามเวลาไทย) จบวันแรกไปแบบไม่มีประกาศชัยชนะ แต่ก็ยังไม่ถึงทางตัน — เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายยืนยันจะนั่งโต๊ะกันต่อในวันอังคาร (10 มิถุนายน) โดยประธานาธิบดี Donald Trump ให้คำนิยามสั้น ๆ ว่า “China is not easy” หรือ “จีนไม่ง่ายเลย” หลังรับฟังรายงานความคืบหน้าจากทีมเจรจา
ทำไมต้องลอนดอน? สหรัฐฯ นำโดยรัฐมนตรีคลัง Scott Bessent เลือก Lancaster House เป็นเวทีเจรจาเพราะต้องการ “พื้นที่กึ่งกลาง” หลีกเลี่ยงบรรยากาศตึงเครียดที่ปักกิ่งหรือวอชิงตัน อีกทั้งอังกฤษเองก็มีผลประโยชน์ในห่วงโซ่แร่หายากเช่นกัน การพูดคุยจึงเกิดขึ้นท่ามกลางกองทัพสื่อและนักลงทุนที่จ้องกราฟตลาดแบบนาทีต่อนาที
ประเด็นหลัก: แร่หายาก (Rare Earths) ตั้งแต่เดือนเมษายน จีนจำกัดโควตาส่งออกแร่หายาก เช่น นีโอไดเมียมและเทอร์เบียม ซึ่งเป็นหัวใจของมอเตอร์รถ EV โดรน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง จนโรงงานรถยนต์สหรัฐฯ หลายแห่งเริ่มรัดเข็มขัดการผลิต ฝั่งวอชิงตันมองว่านี่คือ “การใช้ทรัพยากรเป็นอาวุธ” จึงเสนอว่าจะถอดบางข้อจำกัดเทคโนโลยี หากจีนยอมเปิดก๊อกแร่สำคัญกลับสู่ปริมาณก่อนเดือนเมษายน
ด่านภาษียังสูงลิ่ว แม้สหรัฐฯ จะ “เบรกภาษี” บางส่วนเป็นเวลา 90 วันเพื่อเปิดทางเจรจา แต่โดยเฉลี่ยแล้วสินค้าจีนยังเจอภาษี 51% ขณะที่จีนเก็บภาษีตอบโต้อเมริกาเฉลี่ย 32.6% ตามข้อมูลของ Peterson Institute — และถ้านับรวมภาษีที่พักไว้เฉพาะกิจ อัตราบางหมวดอาจพุ่งถึง 145% เมื่อหมดช่วงพักในเดือนสิงหาคม นี้
ทรัมป์อยากได้อะไร?
- ไล่บี้ข้อตกลงแร่หายาก : นี่คือจิ๊กซอว์สำคัญต่อยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดที่ทรัมป์หวังจะดันบริษัทอเมริกันขึ้นแท่นผู้นำโลก (เขาเคยถึงขั้นพูดเรื่อง “ซื้อกรีนแลนด์” เพื่อขุดแร่)
- ลด “Forced Tech Transfer” : ทีมสหรัฐฯ ต้องการหลักประกันว่าบริษัทอเมริกันไม่จำเป็นต้องโอนเทคโนโลยีขั้นสูงให้พันธมิตรจีนก่อนทำธุรกิจ
- ภาพลักษณ์ทางการเมือง : ใกล้โค้งเลือกตั้งกลางเทอม การประกาศ “ดีลที่ดีที่สุด” จะเป็นกระสุนหาเสียงชั้นดีของทรัมป์
จีนต้องการอะไร?
-
ปลดล็อกส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง : จีนอยากให้สหรัฐฯ ยกเลิก “Entity List” และผ่อนคลายใบอนุญาตส่งออกชิป AI, ระบบ 5G, และเครื่องมือผลิตเซมิคอนดักเตอร์
-
คืนความเชื่อมั่นนักลงทุน : ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงผันผวนไม่หยุดตั้งแต่มีมาตรการภาษี จีนจึงต้องการสัญญาณบวกเพื่อกันเงินทุนไหลออก
-
หยุดขึ้นภาษีอัตโนมัติ : หากไม่มีดีลใหม่ ภาษีที่พักไว้จะรีเซ็ตอัตโนมัติในเดือนสิงหาคม สร้างแรงกดดันต่อภาคการผลิตและผู้บริโภคจีน
วันแรกคุยอะไรกันบ้าง? แหล่งข่าว Bloomberg ระบุว่าการประชุมปิดประตูนาน 6 ชั่วโมง มีการแบ่งซับคอมมิตี “แร่หายาก”, “ภาษีสินค้าเกษตร”, และ “ทรัพย์สินทางปัญญา” โดยแต่ละโต๊ะมีเจ้าหน้าที่ระดับรองรัฐมนตรีเข้าร่วม ขณะเดียวกันฝั่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายขอให้จีน “หยุดครอบงำราคาโลหะแม่เหล็ก” ภายในสิ้นไตรมาสสาม
บรรยากาศนอกห้องเจรจา หน้าสถานที่ประชุมมีผู้ประท้วงเล็ก ๆ สวมเสื้อ “End the Trade War” และ “Save EV Jobs” ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อย 0.3% สวนทางดัชนี MSCI Asia Pac ที่ปรับลงเพราะกังวลผลลัพธ์จะยืดเยื้อ
ความเสี่ยงหากคุยไม่จบ
-
ต้นทุนสินค้าอเมริกันอาจพุ่งขึ้น 8-15% ในไตรมาส 4 ตามการประเมินของ Wells Fargo
-
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ อาจต้องลดกำลังผลิต 120,000 คัน หากแร่แม่เหล็กยังขาดแคลน
-
IMF เตือนว่าผลผลิตรวมโลก (GDP) อาจหด 0.6 จุด หากสงครามภาษีปะทุรอบใหม่
สรุปมุมมองตลาดการเงิน นักลงทุนทองคำและค่าเงิน “ตั้งรับ” มากกว่าบุก USD/JPY แกว่งแคบ 158–159 เยน ดัชนีดอลลาร์ยืนเหนือ 104 เล็ก น้อย ส่วนบิตคอยน์ทรงตัวที่ $71,000 — สะท้อนว่าตลาดยังรอกลุ่มข่าวที่เป็นรูปธรรมมากกว่าคำพูด “ไม่ง่าย” ของทรัมป์
แล้วคนไทยเกี่ยวอะไร?
-
สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์นำเข้าจากจีน อาจปรับราคาเร็วสุดปลายไตรมาส 3 หากภาษีเดิมกลับมาเต็มเพดาน
-
ผู้ส่งออกยางพารา-อาหารสัตว์ไทยที่ส่งผ่านจีนไปสหรัฐฯ อาจโดนลูกหลง ต้องวางแผนเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่
-
ค่าเงินบาทอาจผันผวนตาม Fund Flow ที่ไหลเข้าออกตลาดเกิดใหม่ หากความเสี่ยงรอบนี้ลากยาว
สัญญาณบวกเล็ก ๆ ที่ควรจับตา
-
ทั้งสองฝ่ายเปิดช่องตั้ง “สายด่วน 24 ชั่วโมง” ระดับอธิบดี เพื่อเคลียร์ประเด็นเฉพาะหน้าก่อนชนโต๊ะใหญ่
-
จีนอนุมัติให้ Boeing ส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737-MAX อีก 15 ลำ ภายในเดือนกรกฎาคม เป็นท่าทีดูดีทางการเมือง
-
สหรัฐฯ ยอมยกเลิกภาษีอลูมิเนียมบางส่วนกับสินค้าเกาหลีใต้ เพื่อผ่อนคลายแรงกดดันห่วงโซ่อุปทาน
บทส่งท้าย: “ไม่ง่าย…แต่ต้องทำ” คำพูดสั้น ๆ ของทรัมป์สะท้อนว่าปมการค้าระหว่างสองมหาอำนาจซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปคิด — มันไม่ใช่แค่เรื่องดุลการค้า แต่โยงตั้งแต่ความมั่นคงด้านเทคโนโลยี พลังงานสะอาด ไปจนถึงคะแนนนิยมทางการเมือง การเจรจาที่ลอนดอนอาจยังไม่ก่อให้เกิด “ดีลศตวรรษ” ทันที แต่การที่ทั้งคู่ยอมกลับเข้าห้องประชุมวันต่อไป ก็คือสัญญาณว่าทั้งโลกยังมีความหวังว่าภาษีสูงลิ่วและข้อจำกัดแร่หายากจะไม่ลากเศรษฐกิจโลกไปสู่ภาวะ “hard landing” ในปี 2568 นั่นเอง