รบ. ไทยย้ำใช้สารสกัดค่า THC เกิน 0.2% ไปผสมอาหาร ถือว่าผิดกฎหมาย

Must Read

ใครเป็นสายเขียวต้องมารวมกันทางนี้ เพราะเรามีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ทราบว่า ล่าสุดนายหนู (อนุทิน ชาญวีรกูล) เผย รมช. สาธิต ลงนามประกาศ สธ. เร่งควบคุมการใช้กัญชาแล้ว ย้ำใช้สารสกัดค่า THC เกิน 0.2% ไปผสมอาหาร ถือว่าผิดกฎหมาย แล้ว รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย

สรุปรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้

  • เมื่อไม่กี่วันก่อน นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังการปลดล็อกกัญชา โดยระบุว่า กัญชายังเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ตอนนี้มีการเข้าใช้แอป ‘ปลูกกัญ’ มากกว่า 30 ล้านครั้ง และมีการขอใบอนุญาตในการทำธุรกิจประมาณ 7 แสนราย ถือว่าทะลุเป้าที่วางไว้ เราเปิดให้จดแจ้งปลูกใช้ในครัวเรือนได้ฟรี ในขณะที่การใช้ในเชิงพาณิชย์จะต้องมีการขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งการขออนุญาตมีขั้นตอนต้องตรวจสอบในเรื่องของสูตรการผลิตและต้องอยู่ภายใต้กรอบที่ว่าสาร THC ต้องไม่เกิน 2% ของน้ำหนัก
  • สำหรับไทม์ไลน์ของการพิจารณาพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชง ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว โดยมี ศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ซึ่งจากนี้จะเป็นในเรื่องของการแปรญัตติ มีการหารือกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศควบคุมการใช้กัญชา-กัญชง เช่น การใช้กัญชาในที่สาธารณะ ก่อให้เกิดความรำคาญ ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ถ้ามีการแจ้งเตือนแล้วยังไม่หยุดการกระทำ จะมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องช่วยกันประคองสถานการณ์ให้จนกว่าพระราชบัญญัติกัญชา-กัญชงจะเสร็จสิ้นและมีผลบังคับใช้
  • “ได้รับแจ้งจากทาง สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดูแลกรมอนามัย ท่านได้ลงนามประกาศของกระทรวงฯ ในการควบคุมการใช้กัญชาแล้ว แต่ที่ต้องย้ำอีกเรื่องคือการนำสารสกัดไปผสมอาหาร โดยสารสกัดนั้นต้องมีค่า THC ไม่เกิน 2% ถ้าเกินจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขอให้ประชาชนระมัดระวัง” อนุทินกล่าว
  • อนุทินกล่าวต่อไปว่า อันที่จริงนโยบายกัญชาเริ่มต้นกันมานาน มีการนำร่องคือให้ประชาชนรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนปลูกร่วมกับสถานพยาบาล แต่กฎหมายในตอนนั้นคือช่อดอกยังเป็นยาเสพติด มีเพียงสถานพยาบาลที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ต่อมามีการคลายล็อกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากกัญชาออกวางจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย และล่าสุด เราให้ประชาชนจดแจ้งปลูกแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายและสามารถนำส่วนต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ นี่คือความก้าวหน้าของนโยบายกัญชา
  • ส่วนที่มีความกังวลว่าจะมีการใช้กัญชาในทางที่ผิด ตนขอเรียนว่าตอนนี้มีกฎหมายอื่นๆ มาควบคุมดูแล มีการวางกรอบก่อนที่พระราชบัญญัติกัญชา-กัญชงจะบังคับใช้ ส่วนตัวมองว่านี่คือนโยบายที่ดี เป็นนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขผลักดันเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทางด้านสุขภาพ ตอนนี้เราได้เร่งทำประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ได้ทราบถึงประโยชน์ของการใช้กัญชาและหลีกเลี่ยงการนำไปใช้ในทางที่ไม่ก่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งยาที่มีส่วนผสมของกัญชาในปัจจุบัน หลายสูตรอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีคุณประโยชน์สามารถนำมาบำบัดรักษาคนไข้ที่มีอาการป่วยต่างๆ ได้ จากนี้เราต้องพยายามผลักดันให้ประชาชนมีช่องทางในการใช้กัญชาเสริมสร้างรายได้
  • “รู้สึกยินดีที่นโยบายกัญชาได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นวงกว้าง แต่จะกลายเป็นคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยพยายามทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนและชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด” อนุทินกล่าวในที่สุด

และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกัญชา ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สายเขียวทุกคน และเมื่อได้ทราบแล้วก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎหมายกันอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนขึ้นโรงขึ้นศาลกันภายหลัง

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisement -

Latest News

เผยรายงานคนไทยเผชิญ SMS หลอกลวงมากสุดในเอเชียปี 2566 จาก Whoscall

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเป็นสิ่งที่ไหลเวียนได้รวดเร็วที่สุด ประเด็นเรื่องความปลอดภัยสารสนเทศก็เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง Whoscall, แอปพลิเคชั่นชั้นนำที่ช่วยในการระบุตัวตนของสายเรียกเข้าไม่ที่รู้จักและการป้องกันข้อความสแปม, ได้เปิดเผยรายงานประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยตกเป็นเหยื่อของ SMS หลอกลวงมากกว่าใครในเอเชียด้วยจำนวนถึง 58 ล้านข้อความ แม้ว่าในภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะพบว่าการหลอกลวงมีแนวโน้มลดลงจากการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน แต่ในประเทศไทยกลับพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ การหลอกลวงเหล่านี้รวมถึงการส่งข้อความที่มีลิงก์ปลอม, การหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนและเว็บพนัน และการใช้ชื่อของหน่วยงานรัฐในการหลอกลวง การรายงานจาก Whoscall ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรับข้อมูล พวกเขายังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ URL...
- Advertisement -

More Articles Like This