คำให้สัมภาษณ์ของ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ซึ่งยอมรับตรงๆ ว่าชิพ AI/เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท “ยังตามหลังสหรัฐอยู่หนึ่งเจเนอเรชัน” แต่ก็เปิดแผน “หาทางลัด” ด้วยการใช้คณิตศาสตร์มาชดเชยกฎ Moore’s Law และผนึกกำลังคลัสเตอร์คอมพิวติงเพื่อรีดประสิทธิภาพให้เทียบชั้นคู่แข่งระดับโลก ในบทความนี้เราชวนคุยสบาย ๆ ถึงเบื้องหลังสงครามชิพ จีน-สหรัฐ งบ R&D มหาศาล 1.8 แสนล้านหยวนต่อปีของหัวเว่ย ยันวิธีที่บริษัทจับมือโรงงาน SMIC ปั้นชิพ 7 นาโน (Kirin 9010, Ascend 910C) ภายใต้ข้อจำกัดการคว่ำบาตร พร้อมส่องช่องโหว่กฎส่งออกของอเมริกาและเทคนิค “คอมพาวด์ชิพ” ที่หัวเว่ยเชื่อว่าจะเป็นเกมเชนเจอร์ตัวจริง
1) ย้อนรอยทำไมชิพหัวเว่ยถึงโดนแบน
ตั้งแต่ปี 2019 วอชิงตันบีบหัวเว่ยด้วย Entity List จำกัดการเข้าถึงเครื่องมือ EUV / DUV และ IP ขั้นสูง ความตั้งใจคือสกัดไม่ให้จีนพัฒนาชิพต่ำกว่า 14 นาโนได้ง่าย แต่ผลข้างเคียงคือจุดประกายยักษ์หลับ จีนอัดงบวิจัยกว่าหลายแสนล้านหยวน ผลักดันดีไซน์เนอร์ในประเทศและโรงงาน foundry อย่าง SMIC ไปจนถึง YMTC ให้เร่งสปีด — แถมยังสร้างระบบนิเวศ EDA ของตัวเองเพื่อลดพึ่งพา Synopsys/Ansys
2) “ยังตามหลัง 1 เจน” คือแค่บนกระดาษ?
Ren ย้ำว่าชิพเดี่ยว Ascend 910C ยังด้อยกว่า Nvidia H100 เรื่องทรานซิสเตอร์密度และแบนด์วิดธ์หน่วยความจำ แต่หัวเว่ยตีโจทย์ด้วย “คลัสเตอร์ 384 การ์ด” ในระบบ CloudMatrix ที่ใช้เมทริกซ์คณิตชดเชยฟิสิกส์ ทำให้เทรน LLM ขนาด 100B พารามิเตอร์จบได้เร็วใกล้เคียง Nvidia DGX ที่ถูกแบนส่งจีนไปแล้ว — ตลาดในประเทศจึงแห่ใช้หัวเว่ยเพราะไม่มีตัวเลือกอื่นราคาใกล้เคียง
3) งบ R&D หัวเว่ย = 18% ของรายได้
ตัวเลข 1.8 แสนล้านหยวนต่อปีไม่ใช่เล่น เทียบง่าย ๆ คือมากกว่า Intel และพอ ๆ กับ Apple ทั้งบริษัทรวมกัน Ren บอกว่าต้องเจียดครึ่งหนึ่งให้ “งานวิจัยเชิงทฤษฎี” ตั้งแต่โครงสร้างทรานซิสเตอร์ ไปจนถึงคณิตศาสตร์นอก Moore’s Law เพื่อปูทางสู่ “compound chip” ที่เอา GaN, SiC, SiGe ผสม — ช่วยเพิ่มความเร็วสัญญาณ ลดความร้อน และทนไฟฟ้าแรงสูง ช่วยปั้น Data Center สีเขียวได้จริง
4) คลัสเตอร์คอนเซปต์ + ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจีน
หัวเว่ยปล่อย MindSpore และ Ascend CANN แบบโอเพ่นซอร์ส ฝึก Dev จีนให้ย้ายจาก CUDA มาโลก Ascend ง่ายขึ้น บริษัทลงทุนสร้างศูนย์ AI กว่า 20 แห่งทั่วจีน ดึงสตาร์ตอัปทำ LLM, GenAI, หุ่นยนต์อุตสาหกรรม — ครบลูป hardware-software-service ช่วยหนุน demand ในประเทศให้โตเองแม้ไร้ลูกค้าต่างชาติ
5) ด้านสมาร์ตโฟน: Kirin 9010 ขึ้นนำ 7 นาโนจีน
แม้ Mate 70 Series ยังใช้ Kirin 9010 7 นาโน (เทียบ A18 Pro ที่ 3 นาโนยังไม่ไหว) แต่หัวเว่ยใช้โมเด็ม 5G ภายในและ RF module ของตนเองทั้งหมด ชูจุดขาย “ปลอดชิปอเมริกา” ผ่านสื่อจีน เสริมภาพชาตินิยมจนยอดขายแซง Apple ในตลาดจีนไตรมาส 1/2025 ไปแล้ว
6) สงครามการค้า 2025: เกมยาวไม่ใช่วันเดียวจบ
ขณะสหรัฐ-จีนเปิดโต๊ะเจรจาอีกครั้ง เดือน มิ.ย. 2025 หัวข้อ “เทคโนโลยีสำคัญ” ถูกหยิบยกเป็นลำดับต้น ฝั่งอเมริกาตั้งใจอุดช่องโหว่การส่งออก Deep UV แต่ก็ต้องแลกกับแรงกดดันจากบริษัทร่วมชาติที่เสียรายได้ Nvidia, Lam Research, Applied Materials ล้วนโต้ว่า “การแบน 100% = สูญตลาดจีน 40 % ทันที” — สะท้อนว่าสงครามชิพยังต้องดูกันยาว
7) อนาคตที่หัวเว่ยมอง: “คณิตศาสตร์คือทางลัด”
Ren ปิดท้ายว่า “เราไม่ต้องชนะด้วยทรานซิสเตอร์เล็กที่สุด แต่ชนะด้วยโมเดลคณิตที่แม่นที่สุด” นักวิเคราะห์จีนตีความว่าจะเห็นโซลูชัน AI ที่ผสมการประมวลผลดิจิทัลกับอนาล็อก (In-Memory Computing) และอาจต่อยอดสู่ photonic chip ภายใน 2030
สรุปสั้น ๆ
-
ชิพเดี่ยวหัวเว่ยยังตามหลัง US ≈ 1 เจน แต่เอาคณิต + คลัสเตอร์มาชดเชย
-
ลงทุน R&D ปีละ 1.8 แสนล้านหยวน เน้นทฤษฎีกับ compound chip
-
Ascend 910C + CloudMatrix รักษาตลาดจีน หลัง Nvidia H100 ถูกแบนส่งออก
-
Kirin 9010 7 นาโน พิสูจน์ว่าจีนผลิตชิพมือถือล้ำขึ้น แม้ยังห่าง 3 นาโน
-
เกมชิพจีน-สหรัฐ ยังยืดเยื้อ แต่หัวเว่ยโชว์ให้เห็นว่า “ทางลัด” มีอยู่จริง