เคยเป็นไหมครับ? ช่วงหลังๆ นี้พอหยิบมือถือขึ้นมาจะไถ TikTok แก้เบื่อสักหน่อย ปรากฏว่าในหน้าฟีด For You ดันเจอแต่วิดีโอที่ดู “แปลกๆ” เต็มไปหมด ภาพสวยนะแต่มันเนียนจนดูลอยๆ หรือเสียงพากย์ที่ฟังแล้วรู้เลยว่าไม่ใช่เสียงคนพูดจริงๆ บางทีก็เป็นคลิปเล่าเรื่องที่เอาภาพ Gen มาแปะต่อๆ กัน จนเริ่มรู้สึกว่า “เฮ้ย นี่เรากำลังดูอะไรอยู่เนี่ย?”
ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ บอกเลยว่าคุณไม่ใช่คนเดียวครับ เพราะนี่คือยุคที่ AI-generated content (AIGC) หรือคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI กำลังบุกยึดพื้นที่โซเชียลมีเดียอย่างหนักหน่วง จนหลายคนเริ่มบ่นว่า “ความเรียล” ที่เป็นเสน่ห์ของ TikTok มันเริ่มจางหายไป
แต่ล่าสุดมีข่าวดีที่น่าจะถูกใจสายไถฟีดครับ เพราะ TikTok เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผู้ใช้เริ่ม “เอียน” กับคอนเทนต์ AI ที่มากเกินไป เลยเตรียมงัดฟีเจอร์ใหม่มาช่วยให้เราจัดการหน้าฟีดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ปุ่มวิเศษ “ลด AI” ตัวช่วยคืนความเรียลให้หน้าฟีด
จากรายงานของสื่อต่างประเทศอย่าง The Sun ระบุว่า TikTok กำลังเตรียมปล่อยฟีเจอร์ใหม่ที่จะซ่อนอยู่ในเมนู Manage topics (ซึ่งเป็นเมนูเดิมที่เราใช้บอกระบบว่าชอบหรือไม่ชอบเนื้อหาแนวไหนนั่นแหละครับ) โดยความเจ๋งคือ เขาจะมี “Slider” หรือแถบเลื่อนปรับระดับสำหรับ AIGC โดยเฉพาะ!
การทำงานของมันเข้าใจง่ายมาก:
-
ถ้าคุณชอบความล้ำ: อยากเห็นนวัตกรรม AI ใหม่ๆ ก็ดันสไลเดอร์ขึ้น ฟีดของคุณก็จะเสิร์ฟคลิป AI แบบจัดเต็ม
-
ถ้าคุณโหยหาความเรียล: เบื่อความปลอม อยากดูคนจริงๆ เต้น กินข้าว หรือรีวิวของ ก็แค่ “ดันสไลเดอร์ลง” เพื่อสั่งให้ Algorithm ลดการมองเห็นคลิป AI ให้น้อยลง
แต่! ต้องดอกจันตัวโตๆ ไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า “ลด ไม่ได้แปลว่า ปิด” ทาง TikTok ยอมรับตรงๆ ว่าฟีเจอร์นี้ไม่สามารถบล็อกคอนเทนต์ AI ได้ 100% เพราะระบบยังต้องคำนวณจากหลายปัจจัย ทั้งความสดใหม่ ความนิยม และความสนใจของเรา แต่การมีปุ่มนี้ก็เหมือนเราได้ส่งสัญญาณบอก Algorithm ว่า “พอก่อนนะ AI ขอพักแป๊บ”
ทำไม TikTok ถึงต้องรีบแก้เกมเรื่องนี้?
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้ TikTok กำลังเจอศึกหนักครับ
-
ปริมาณที่ล้นทะลัก: TikTok เผยข้อมูลสุดอึ้งว่า ตอนนี้บนแพลตฟอร์มมีวิดีโอที่ถูกติดป้ายว่าเป็น AI-generated ไปแล้วมากกว่า 1.3 พันล้านคลิป! (ข้อมูลจาก The Guardian) ลองจินตนาการดูสิครับว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ อีกหน่อยเราคงแทบไม่เห็นหน้าคนจริงๆ กันแล้ว
-
ปัญหา Deepfake และความน่าเชื่อถือ: ยิ่ง AI เก่งขึ้น การแยกแยะว่า “อันไหนจริง อันไหนปลอม” ก็ยิ่งยากขึ้น เราเริ่มเห็นการใช้ AI ปลอมเสียงคนดัง ปลอมหน้าดารามาขายของ หรือสร้างข่าวปลอม (Fake News) ที่เนียนกริบ เรื่องนี้กระทบความเชื่อมั่นของแพลตฟอร์มสุดๆ
-
เสน่ห์ที่หายไป: จุดแข็งที่ทำให้ TikTok โตระเบิดระเบ้อคือ “ความจริงใจ” (Authenticity) การที่คนธรรมดาๆ มาถ่ายคลิปตลกๆ ในห้องนอน แต่พอ AI เข้ามาเยอะเกินไป ฟีดมันดู “แห้งแล้ง” ไร้ชีวิตชีวา ถ้าไม่แก้ตรงนี้ คนดูอาจหนีไปแพลตฟอร์มอื่นได้
ไม่ได้แค่ลด แต่จะ “จับตา” ให้เข้มขึ้นด้วย
นอกจากฟีเจอร์ให้ผู้ใช้กดลดเองแล้ว TikTok ยังประกาศสงครามกับ “AI เนียน” ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเพียบครับ
-
Invisible Watermark (ลายน้ำล่องหน): อันนี้ล้ำมาก TikTok กำลังจะใช้เทคโนโลยีฝังลายน้ำที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าลงในวิดีโอที่สร้างด้วย AI ของแพลตฟอร์ม เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป
-
มาตรฐาน C2PA: เป็นระบบ Content Credentials ที่จะฝังข้อมูล Metadata ลงไปในไฟล์เลยครับ ต่อให้มีคนโหลดคลิป AI นั้นออกไปตัดต่อใหม่แล้วอัปโหลดกลับเข้ามา ระบบก็จะยังรู้ทันทีว่า “อ๋อ คลิปนี้มีเชื้อ AI อยู่นะ” ทำให้ตรวจสอบย้อนหลังได้แม่นยำขึ้น
-
กองทุน AI Literacy: เปย์หนักกว่า 2 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ความรู้คนทั่วไปเกี่ยวกับการรู้ทัน AI เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
แล้ว Creator อย่างเราต้องปรับตัวยังไง?
ใครที่เป็นคนทำคอนเทนต์ อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งตกใจว่า “เฮ้ย ฉันจะตกงานไหม?” หรือ “ใช้ AI ช่วยตัดต่อไม่ได้แล้วเหรอ?” ใจเย็นๆ ครับ AI ยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม ถ้าเราใช้ให้ถูกทาง
-
ใช้ AI เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้สร้าง” ทั้งหมด: การใช้ AI ช่วยคิดสคริปต์ หรือช่วยแต่งภาพนิดหน่อยยังทำได้ แต่หัวใจสำคัญคือ “ตัวตนของคุณ” ต้องยังอยู่
-
ความจริงใจคือสกุลเงินใหม่: ในเมื่อ AI สร้างความสมบูรณ์แบบได้เกลื่อนกราด “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ของมนุษย์นี่แหละครับที่จะแพงขึ้น การพูดผิดบ้าง หัวเราะธรรมชาติ หรือรีวิวแบบบ้านๆ จะยิ่งได้ใจคนดู
-
กฎเหล็ก “ต้องติดป้าย”: อันนี้สำคัญสุด ถ้าคลิปไหนใช้ AI สร้างหน้าคน เสียง หรือฉากที่ดูสมจริง ต้อง เปิดฟีเจอร์ระบุว่าเป็น AI-generated ทุกครั้ง อย่าเนียนครับ เพราะถ้าโดนจับได้ นอกจากจะโดนลดการมองเห็นแล้ว อาจโดนแบนแอคเคาท์ได้เลย กฎชุมชนเขากำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ
สรุป: อำนาจกลับมาอยู่ในมือเรา (บ้างแล้ว)
การมาของฟีเจอร์ลด AI ใน Manage topics ถือเป็นก้าวที่ดีครับที่ทำให้เรารู้สึกว่า “เรายังคุมฟีดตัวเองได้” ไม่ใช่ปล่อยให้ Algorithm จูงจมูกอย่างเดียว ใครที่เบื่อความพลาสติกของ AI ก็เตรียมตัวใช้ฟีเจอร์นี้ได้เลย ส่วนใครที่เป็น Creator ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้องกลับมาโฟกัสที่ “Human Touch” หรือความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ
ยุค AI มันห้ามไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเสพอย่างพอดีได้ครับ!
FAQ
Q1: ฟีเจอร์ลดคอนเทนต์ AI นี้เริ่มใช้ได้หรือยัง แล้วเข้าไปตั้งค่าตรงไหน?
A: ปัจจุบัน TikTok กำลังอยู่ในช่วงทดสอบและทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ (Rollout) ให้กับผู้ใช้งานครับ บางคนอาจจะเริ่มเห็นแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่มีไม่ต้องตกใจ รออัปเดตแอปฯ ในช่วงสัปดาห์หรือเดือนข้างหน้า โดยเมนูจะซ่อนอยู่ที่ Settings > Content preferences > Manage topics ซึ่งจะมีตัวเลือกเกี่ยวกับ AIGC หรือ AI-generated content ให้เราปรับสไลเดอร์ได้ครับ
Q2: ถ้ากดลด AI จนสุดแล้ว จะไม่เห็นคลิป AI ในฟีด For You อีกเลยใช่ไหม?
A: ไม่ถึงกับหายไป 100% ครับ ทาง TikTok ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ “ลดสัดส่วน” (Reduce) การแสดงผลลงให้เหลือน้อยที่สุด แต่ Algorithm ยังคงต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายตามความสนใจของเรา ดังนั้นอาจจะมีหลุดมาบ้าง แต่จะน้อยลงกว่าเดิมจนรู้สึกได้แน่นอนครับ
Q3: สำหรับคนทำคลิป ถ้าใช้ AI ช่วยตัดต่อหรือปรับเสียงนิดหน่อย ต้องติดป้าย AI-generated ไหม?
A: ถ้าเป็นการใช้ AI เพื่อปรับแสง สี หรือตัดต่อพื้นฐานทั่วไป “ไม่จำเป็น” ต้องติดป้ายครับ แต่ถ้าใช้ AI ในระดับที่ “เปลี่ยนความจริง” เช่น สร้างใบหน้าคนขึ้นมาใหม่ (Deepfake), ใช้ AI พากย์เสียงแทนเสียงคนจริง (Voice Cloning), หรือสร้างฉากเหตุการณ์ที่ไม่มีอยู่จริง แบบนี้ “จำเป็นต้องติดป้าย” ครับ เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการโดนลงโทษจากแพลตฟอร์ม


