รายงานการประชุม FOMC รอบล่าสุดของ Federal Reserve เพิ่งถูกปล่อยออกมาหมาด ๆ และบอกเลยว่ารอบนี้ไม่ได้มาแบบเรียบ ๆ แต่เหมือนเป็นภาพสะท้อนว่า “เฟดกำลังแตกเป็น 3 ก๊ก” ชนิดที่ว่ากรรมการแต่ละคนมีมุมมองเรื่องดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และตลาดหุ้นที่ตีกันเองไปคนละทิศละทางเลยก็ว่าได้
การประชุมนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2025 ซึ่งตอนนั้นเฟดตัดสินใจ “ลดดอกเบี้ย 0.25%” ลงมาอยู่ในช่วงประมาณ 3.75%–4.00% เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจที่เริ่มมีอาการแผ่ว แต่พอมาดูในรายงานฉบับเต็ม (FOMC Minutes) กลับเจอว่าเบื้องหลังโต๊ะประชุมนั้นไม่ได้เห็นด้วยแบบเอกฉันท์เลย มีตั้งแต่สายอยากลดต่อแบบสุดซอย สายขอพักเบรกดูสถานการณ์ก่อน และสายเบรกสุดตัวว่าอย่าลดเด็ดขาดเดี๋ยวเงินเฟ้อกลับมาร้อนแรง (Reuters)
🗡️ เฟดแตก 3 ก๊ก! เถียงกันเรื่อง “ลดดอกเบี้ยธันวาคม”
สิ่งที่ตลาดการเงินโฟกัสเป็นพิเศษใน Minutes รอบนี้คือ “ทิศทางดอกเบี้ยสำหรับเดือนธันวาคม” ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากรรมการเฟดแบ่งความคิดออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ: (Reuters)
-
กลุ่มที่ 1: สายสนับสนุนลดดอกเบี้ยต่อในเดือนธันวาคม
-
มองว่าเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจริง ๆ แล้ว ตลาดแรงงานก็ไม่ตึงเปรี๊ยะเหมือนก่อน
-
อยากลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจสะดุดแรงในปีหน้า
-
-
กลุ่มที่ 2: สายมองว่าควรลดดอกเบี้ย “ในอนาคต” แต่ไม่ใช่เดือนธันวาคม
-
ยอมรับว่าดอกเบี้ยจะต้องลงในที่สุด แต่ขอรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะออกเพิ่มเติมอีกหน่อย
-
กังวลว่าการรีบลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจส่งสัญญาณผิด ๆ ว่าเฟดมองเศรษฐกิจแย่กว่าความเป็นจริง
-
-
กลุ่มที่ 3: กลุ่มใหญ่ที่มองว่า “ไม่ควรลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคม”
-
กลุ่มนี้ถูกเรียกด้วยคำว่า “many participants” ซึ่งตามภาษาเฟดแล้วถือว่าเยอะกว่ากลุ่มที่ใช้คำว่า “several”
-
เหตุผลหลักคือ เงินเฟ้อยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2% มาหลายปีแล้ว และยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามันจะกลับลงมาเร็ว ๆ นี้ (Investopedia)
-
พูดง่าย ๆ คือ ใครที่คุ้นชินกับคำพูดว่า “Don’t fight the Fed” ที่ทุกคนเคยเชื่อว่าเฟดเดินเป็นทีมเดียว ตอนนี้ต้องคิดใหม่แล้ว เพราะมุมมองของคนในเฟดเองยังสวิงกันหนักมาก
💸 เงินเฟ้อจากภาษีนำเข้า: “หลายคน” ในเฟดบอกไม่ใช่ตัวปัญหาหลัก?
อีกประเด็นที่น่าสนใจสุด ๆ ใน Minutes คือเรื่อง Tariff Inflation หรือเงินเฟ้อที่เกิดจากมาตรการภาษีนำเข้า และการปรับมาตรการภาษีอื่น ๆ
-
“Several” (บางคน) ในเฟดมองว่า ถ้าเรามองเงินเฟ้อโดยตัดผลกระทบจากเรื่องภาษีออกไป ภาพรวมของเงินเฟ้อที่แท้จริงเริ่มใกล้เคียงเป้าหมายแล้ว
-
แต่ “Many” (หลายคน) กลับมองว่า เงินเฟ้อโดยรวมมันอยู่เหนือ 2% มานานมาก และยังไม่มีหลักฐานชัด ๆ ว่ามันจะลงมาทันเวลา จึงยังไม่กล้าใจชื้นกับเรื่องภาษีนี้ (zerohedge.com)
แปลเป็นภาษาชาวบ้าน:
บางคนในเฟดพูดว่า “ถ้าไม่นับเรื่องภาษีนำเข้า เงินเฟ้อก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นแล้ว” แต่อีกหลายคนรีบสวนกลับว่า “เอาอะไรมายืนยันว่ามันจะลงทันเวลา เป้าหมาย 2% ยังดูเป็นเส้นขอบฟ้าที่ไกลเกินเอื้อมอยู่เลย”
ตรงนี้ทำให้เห็นว่า เฟดเองยังเถียงกันอยู่เลยว่า “ปัญหาเงินเฟ้อที่แท้จริงมันอยู่ที่มาตรการภาษีชั่วคราว หรือมันอยู่ที่โครงสร้างเงินเฟ้อที่ฝังลึกไปแล้วกันแน่” ถ้าเป็นอย่างหลังก็คงต้องคงดอกเบี้ยสูงไปอีกนาน
💣 ช็อตเด็ด! เฟดกลัวหุ้นร่วงแรงแบบ “ไร้ระเบียบ” (Disorderly Fall)
นอกจากเรื่องดอกเบี้ยกับเงินเฟ้อแล้ว รายงานยังมีการพูดถึงความเสี่ยงสำคัญอีกอย่าง นั่นคือ ถ้าเศรษฐกิจหรืออารมณ์ของนักลงทุนเปลี่ยนแบบกระทันหัน อาจนำไปสู่ “disorderly fall in equity prices” หรือ การร่วงลงของตลาดหุ้นแบบไร้ระเบียบ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระแส AI ที่ราคาพุ่งขึ้นมาล่วงหน้าแบบสุดเหวี่ยง (MarketWatch)
พูดง่าย ๆ คือ เฟดเริ่มกังวลว่า:
-
ถ้านักลงทุนเริ่ม “ตั้งสติ” แล้วมองมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นบางกลุ่มว่ามันแพงเกินจริงไปมาก (Overvalued)
-
บวกกับนโยบายดอกเบี้ยที่ไม่ชัดเจน หรือสื่อสารพลาดจนตลาดตกใจ
-
อาจเกิดอาการ “วิ่งหนีออกประตูเดียวกัน” (Panic Selling) จนราคาหุ้นร่วงแรงและรวดเร็วคุมไม่อยู่
ความกังวลลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในอดีตเคยเกิดยุค Greenspan put/Yellen put ที่เฟดถูกมองว่าชอบเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นจนคนกล้าเสี่ยงเกินไป พอมาถึงยุคนี้ เฟดเลยระวังเป็นพิเศษว่าจะไม่ส่งสัญญาณแบบ “พร้อมช่วยตลาดทุกครั้ง” เพราะกลัวจะสร้าง Moral Hazard หรือความประมาทให้ตลาดมากขึ้นอีก (Wikipedia)
🚦 ปัญหาตัวใหญ่: ข้อมูลเศรษฐกิจขาดตอนเพราะ Government Shutdown
อีกตัวแปรที่ทำเอาเฟดปวดหัวหนักคือ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานชั่วคราว (Government Shutdown) ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ๆ เช่น ตัวเลขแรงงาน และตัวเลขเงินเฟ้อหลายตัวถูกประกาศล่าช้าออกไป
-
เฟดต้องอาศัยข้อมูลจากเอกชน การสำรวจภาคธุรกิจ และข้อมูลทางเลือกอื่น ๆ มาช่วยประเมิน
-
ทำให้การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนการประชุมเดือนธันวาคม “เบลอ” และไม่ชัดเจนเท่าที่ควร (Reuters)
สรุปคือ รอบนี้เฟดไม่ได้แค่ถกเถียงกันเรื่อง “จะลดหรือไม่ลด” แต่เป็นการตัดสินใจในสภาพที่เหมือน “ไฟในห้องดับครึ่งหนึ่ง” เพราะไม่มีข้อมูลสำคัญมาช่วยประกอบการตัดสินใจอย่างเต็มที่
📈 ตลาดการเงินตอบสนองยังไงบ้าง?
หลัง Minutes ออกมา สิ่งที่ตลาดเริ่มรับรู้คือ โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมมันไม่ได้สูงปรี๊ดเหมือนที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้
-
ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยจากเครื่องมืออย่าง FedWatch ก็เริ่มถอยลง
-
ตลาดหุ้นและบอนด์ผันผวนขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ ทองคำและดอลลาร์กลับดูเด่นขึ้น เพราะนักลงทุนเริ่มหนีไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยและเก็งความไม่แน่นอนของนโยบายเฟด (Forex Factory)
สำหรับนักลงทุนหรือสายเทรด การอ่าน Minutes รอบนี้จะทำให้เข้าใจว่า:
-
เฟดไม่ได้ใจอ่อนเรื่องเงินเฟ้ออย่างที่บางคนคิด
-
การลดดอกเบี้ยแบบต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน “ของตาย” อีกต่อไป
-
ความเสี่ยงด้านตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ-AI กลายเป็น “ปัจจัยที่เฟดพูดถึงตรง ๆ” ไม่ใช่แค่ข่าวลือข้างนอก
💡 มุมมองสำหรับคนไทยสายลงทุน
สำหรับคนไทยที่ตามข่าว FOMC เพราะมันส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ ทองคำ และดัชนีหุ้นทั่วโลก บทเรียนจาก Minutes รอบนี้คือ:
-
อย่ามองเฟดเป็น “เสียงเดียว” อีกแล้ว ต้องคอยตามดูโทนคำพูดของกรรมการแต่ละคนให้ดี
-
ความไม่แน่นอนของดอกเบี้ยจะทำให้ตลาด เหวี่ยงมากขึ้น ในช่วงก่อน-หลังการประชุมเฟด
-
ทองคำ มีโอกาสได้แรงหนุนทุกครั้งที่ตลาดเริ่มไม่มั่นใจในเส้นทางดอกเบี้ย และกลัวว่าหุ้นจะร่วงแรง
-
สายถือหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ-AI ต้องระวังเรื่อง Valuation ที่แพงเกินไป และการที่นโยบายเฟดอาจจะ “ไม่มาช่วยพยุงเหมือนเดิม”
สุดท้ายแล้ว FOMC Minutes รอบนี้ไม่ได้ให้คำตอบแบบฟันธงว่า “เฟดจะทำอะไรต่อไป” แต่กลับบอกเราว่า “เฟดเองก็กำลังหาคำตอบเหมือนกัน” และเมื่อคนกำหนดดอกเบี้ยยังไม่ชัวร์ ตลาดก็ยิ่งต้องเตรียมตัวรับความผันผวนให้ดีกว่าเดิมหลายเท่า!
ถาม-ตอบ (FAQ 3 Topics)
❓ Q1: ทำไม FOMC Minutes รอบนี้ถึงถูกมองว่ากรรมการเฟดแตกเป็น 3 ก๊ก?
✅ A1: เพราะในรายงานมีการระบุชัดเจนว่ากรรมการเฟดมีความเห็นที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มที่อยากลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม, กลุ่มที่อยากลดแต่ขอดูข้อมูลก่อน และกลุ่มใหญ่ที่ไม่อยากลดเลยในเดือนธันวาคม ทำให้เห็นว่าภายในเฟดเองยังมีความเห็นที่ไม่เป็นเอกฉันท์เรื่องเส้นทางดอกเบี้ยในระยะสั้น (Reuters)
❓ Q2: ประเด็น Tariff Inflation หรือเงินเฟ้อจากภาษีสำคัญยังไงในมุมมองของเฟด?
✅ A2: Tariff Inflation คือเงินเฟ้อที่เกิดจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งทำให้สินค้าหลายกลุ่มราคาแพงขึ้นเพราะภาษี ไม่ใช่เพราะดีมานด์ในระบบร้อนแรงอย่างเดียว บางคนในเฟดมองว่าถ้าไม่นับผลจากภาษีออกไป เงินเฟ้อที่แท้จริงอาจเริ่มใกล้เป้าหมายแล้ว แต่กรรมการอีกหลายคนยังไม่เชื่อ และมองว่าโดยรวมเงินเฟ้อยังสูงและกลับสู่ 2% ได้ช้ามาก ทำให้ไม่อยากรีบลดดอกเบี้ย (zerohedge.com)
❓ Q3: “Disorderly Fall” ในตลาดหุ้นที่เฟดกังวลมันคืออะไร และทำไมถึงต้องระวัง?
✅ A3: Disorderly Fall หมายถึงการร่วงลงของตลาดหุ้นที่รวดเร็ว รุนแรง และไม่มีการไหลลงอย่างเป็นขั้นบันได (เช่น นักลงทุนแห่เทขายพร้อมกันจากความตื่นตระหนก) โดยเฟดกังวลว่ากลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับ AI ซึ่งราคาขึ้นมามากอาจเผชิญแรงเทขายหนักหากมุมมองต่อเศรษฐกิจหรือดอกเบี้ยเปลี่ยนกะทันหัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตกใจในตลาดวงกว้างได้ (MarketWatch)

