ซิสโก้ซิสเต็มส์ (Cisco Systems)  ผู้ผลิตสินค้าเครือข่ายคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก  ประกาศแผนปรับลดพนักงานลงอีก 6,500 คน เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท  หวังเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ซิสโกสามารถแข่งขันได้ดีกว่าเดิม  สวนทางกับนานาบริษัทไอทีที่ประกาศผลกำไรสวยในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.2011  ทั้งอีเบย์ ไอบีเอ็ม และไมโครซอฟท์ที่แสดงทิศทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม   จำนวนพนักงานที่ซิสโก้เตรียมจะปลด 6,500 คนในไตรมาสนี้คิดเป็นสัดส่วน 9% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 73,000 คนทั่วโลก ซึ่ง เป็นแผนต่อเนื่องหลังจากซิสโก้ประกาศนโยบายรัดเข็มขัดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยซิสโก้ระบุว่าการเลิกจ้างหรือเลย์ออฟจะคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3  ของจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดในรอบนี้ ที่เหลือจะเป็นการเกษียณก่อนกำหนดหรือ  early-retire  ซึ่งซิสโก้ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนพนักงานระดับรองประธานบริษัทขึ้นไปราว 15%  ซิสโก้นั้นเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องนานหลายปี  แต่วิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ซิสโก้มียอดขายลดลงตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา  ทำให้ซิสโก้ต้องเริ่มเทความสนใจให้กับธุรกิจที่สามารถสร้างเงินได้มากขึ้น  และเริ่มปรับโครงสร้างบริษัทให้เหมาะสมกับการแข่งขันกับคู่แข่งอย่างจูนิ เปอร์เน็ตเวิร์กส (Juniper Networks) และเอชพี (Hewlett-Packard)  แม้ว่าในระยะสั้น ซิสโก้จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจากการเลย์ออฟสูงถึง 1.3  พันล้านเหรียญ แต่การประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า 1  พันล้านเหรียญต่อปีจะเป็นประโยชน์ให้ซิสโก้ในระยะยาวแน่นอน  ซิสโก้ระบุว่าจะเริ่มแจ้งพนักงานในสหรัฐฯ แคนาดา  และบางประเทศที่ถูกลอยแพภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม  โดยจะดำเนินการตามกฏหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด  อีเบย์ฟื้นตัว  อีเบย์ (EBay)  ตลาดค้าปลีกสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของอีเบย์นั้นส่งสัญญาณฟื้นตัว มากขึ้นในไตรมาสนี้  โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯที่อีเบย์สูญเสียส่วนแบ่งไปช่วงหนึ่ง เบ็ดเสร็จตลอด 3  เดือนที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นไตรมาส แรกปีการเงิน 2011 (เม.ย.-มิ.ย.)  ของอีเบย์ รายได้ของอีเบย์เติบโตขึ้น 16% คิดเป็นมูลค่า 2.5  พันล้านเหรียญหรือประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท  อีเบย์สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นมูลค่า 475.9  ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 36 เซนต์ต่อหุ้น  หากยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหุ้น กำไรสุทธิของอีเบย์จะมีมูลค่า 619  ล้านเหรียญ คิดเป็น 47 เซนต์ต่อหุ้น ใกล้เคียงกับ 46  เซนต์ต่อหุ้นซึ่งบริษัทวิจัยทอมสันรอยเตอร์ส (Thomson Reuters) ประเมินไว้  ยอดขายสินค้าจากเว็บไซต์อีเบย์ดอทคอมตลอดเดือนมิ.ย.นั้นเพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยยอด จำหน่ายเดือนพ.ค.นั้นคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 12.6%  ข้อมูลเหล่านี้มาจากบริษัท ChannelAdvisor  ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ช่วยเหลือการจำหน่ายสินค้าออน์ไลน์  ซึ่งเชื่อว่านี่คือสัญญาณการฟื้นตัวของอีเบย์ในตลาดสหรัฐฯ
  จำนวนพนักงานที่ซิสโก้เตรียมจะปลด 6,500 คนในไตรมาสนี้คิดเป็นสัดส่วน 9% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 73,000 คนทั่วโลก ซึ่ง เป็นแผนต่อเนื่องหลังจากซิสโก้ประกาศนโยบายรัดเข็มขัดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยซิสโก้ระบุว่าการเลิกจ้างหรือเลย์ออฟจะคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3  ของจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดในรอบนี้ ที่เหลือจะเป็นการเกษียณก่อนกำหนดหรือ  early-retire  ซึ่งซิสโก้ตั้งเป้าว่าจะลดจำนวนพนักงานระดับรองประธานบริษัทขึ้นไปราว 15%  ซิสโก้นั้นเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องนานหลายปี  แต่วิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ซิสโก้มียอดขายลดลงตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา  ทำให้ซิสโก้ต้องเริ่มเทความสนใจให้กับธุรกิจที่สามารถสร้างเงินได้มากขึ้น  และเริ่มปรับโครงสร้างบริษัทให้เหมาะสมกับการแข่งขันกับคู่แข่งอย่างจูนิ เปอร์เน็ตเวิร์กส (Juniper Networks) และเอชพี (Hewlett-Packard)  แม้ว่าในระยะสั้น ซิสโก้จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจากการเลย์ออฟสูงถึง 1.3  พันล้านเหรียญ แต่การประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า 1  พันล้านเหรียญต่อปีจะเป็นประโยชน์ให้ซิสโก้ในระยะยาวแน่นอน  ซิสโก้ระบุว่าจะเริ่มแจ้งพนักงานในสหรัฐฯ แคนาดา  และบางประเทศที่ถูกลอยแพภายในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม  โดยจะดำเนินการตามกฏหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด  อีเบย์ฟื้นตัว  อีเบย์ (EBay)  ตลาดค้าปลีกสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของอีเบย์นั้นส่งสัญญาณฟื้นตัว มากขึ้นในไตรมาสนี้  โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯที่อีเบย์สูญเสียส่วนแบ่งไปช่วงหนึ่ง เบ็ดเสร็จตลอด 3  เดือนที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นไตรมาส แรกปีการเงิน 2011 (เม.ย.-มิ.ย.)  ของอีเบย์ รายได้ของอีเบย์เติบโตขึ้น 16% คิดเป็นมูลค่า 2.5  พันล้านเหรียญหรือประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาท  อีเบย์สามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นมูลค่า 475.9  ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 36 เซนต์ต่อหุ้น  หากยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหุ้น กำไรสุทธิของอีเบย์จะมีมูลค่า 619  ล้านเหรียญ คิดเป็น 47 เซนต์ต่อหุ้น ใกล้เคียงกับ 46  เซนต์ต่อหุ้นซึ่งบริษัทวิจัยทอมสันรอยเตอร์ส (Thomson Reuters) ประเมินไว้  ยอดขายสินค้าจากเว็บไซต์อีเบย์ดอทคอมตลอดเดือนมิ.ย.นั้นเพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยยอด จำหน่ายเดือนพ.ค.นั้นคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 12.6%  ข้อมูลเหล่านี้มาจากบริษัท ChannelAdvisor  ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ช่วยเหลือการจำหน่ายสินค้าออน์ไลน์  ซึ่งเชื่อว่านี่คือสัญญาณการฟื้นตัวของอีเบย์ในตลาดสหรัฐฯ   ไอบีเอ็มลิงโลด  ยักษ์สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) รายงานผลประกอบการช่วง 3  เดือนที่ผ่านมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้  โดยรายได้เดือนเม.ย.-มิ.ย.ของไอบีเอ็มเพิ่มสูงขึ้น 12% เป็น 26.7  พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.01 แสนล้านบาท  ไอบีเอ็มระบุว่ารายได้จากธุรกิจฮาร์ดแวร์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้น เติบโต 17% (เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)  เช่นเดียวกับธุรกิจซอฟต์แวร์ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 17%  ที่น่าสนใจคือสินค้ากลุ่ม WebSphere  เพื่อการทำงานร่วมกันระยะไกลระหว่างองค์กรนั้นทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 55%  โดยไอบีเอ็มสามารถทำสัญญาให้บริการกับลูกค้ารายใหม่มูลค่ารวม 1.43  หมื่นล้านเหรียญตลอดไตรมาสที่ผ่านมา  ไอบีเอ็มยอมรับว่าตลาดองค์กรธุรกิจในสหรัฐฯนั้นทำรายได้ให้ไอบีเอ็ม เพิ่มขึ้นน้อยกว่าภูมิภาคอื่น โดยในสหรัฐฯนั้นทำเงินให้ไอบีเอ็มเพิ่มขึ้น  8% ขณะที่ตลาดเกิดใหม่เช่นเอเชียและละตินอเมริกานั้นมีอัตราเติบโตถึง 13%  ทั้งหมดส่งให้ไอบีเอ็มมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ถือเป็นสัญญาณชี้ว่าองค์กรธุรกิจทั่วโลกยังคงใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้นต่อ เนื่อง
 ไอบีเอ็มลิงโลด  ยักษ์สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) รายงานผลประกอบการช่วง 3  เดือนที่ผ่านมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้  โดยรายได้เดือนเม.ย.-มิ.ย.ของไอบีเอ็มเพิ่มสูงขึ้น 12% เป็น 26.7  พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.01 แสนล้านบาท  ไอบีเอ็มระบุว่ารายได้จากธุรกิจฮาร์ดแวร์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมานั้น เติบโต 17% (เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)  เช่นเดียวกับธุรกิจซอฟต์แวร์ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 17%  ที่น่าสนใจคือสินค้ากลุ่ม WebSphere  เพื่อการทำงานร่วมกันระยะไกลระหว่างองค์กรนั้นทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 55%  โดยไอบีเอ็มสามารถทำสัญญาให้บริการกับลูกค้ารายใหม่มูลค่ารวม 1.43  หมื่นล้านเหรียญตลอดไตรมาสที่ผ่านมา  ไอบีเอ็มยอมรับว่าตลาดองค์กรธุรกิจในสหรัฐฯนั้นทำรายได้ให้ไอบีเอ็ม เพิ่มขึ้นน้อยกว่าภูมิภาคอื่น โดยในสหรัฐฯนั้นทำเงินให้ไอบีเอ็มเพิ่มขึ้น  8% ขณะที่ตลาดเกิดใหม่เช่นเอเชียและละตินอเมริกานั้นมีอัตราเติบโตถึง 13%  ทั้งหมดส่งให้ไอบีเอ็มมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ถือเป็นสัญญาณชี้ว่าองค์กรธุรกิจทั่วโลกยังคงใช้จ่ายด้านไอทีเพิ่มขึ้นต่อ เนื่อง   ไมโครซอฟท์กำไรยังโต  ไมโครซอฟท์ (Microsoft)  ประกาศตัวเลขกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมามากกว่า 9%  คาดว่าไมโครซอฟท์สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์วินโดวส์เซเว่น (Windows  7) ได้เพิ่มขึ้นราว 50 ล้านไลเซนส์ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จไมโครซอฟท์สามารถจำหน่ายได้ 400 ล้านไลเซนส์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนต.ค.ปี 2009  แม้ยอดจำหน่ายของไมโครซอฟท์ในไตรมาสนี้จะเติบโตไม่หวือหวา  แต่ต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าคาดการณ์เนื่องจากทิศทางการเติบโตของ ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีโลกนั้นชะลอตัว  เพราะการถูกแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนชิงตลาดบางส่วนไป โดยบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์  (Gartner) คาดว่าตลาดพีซีจะเติบโตเพียง 2.3% ในไตรมาส 2 ของปี 54 เท่านั้น  น้อยกว่า 6.7% ซึ่งเคยทำได้ในปีก่อนหน้า
  ไมโครซอฟท์กำไรยังโต  ไมโครซอฟท์ (Microsoft)  ประกาศตัวเลขกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมามากกว่า 9%  คาดว่าไมโครซอฟท์สามารถจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์วินโดวส์เซเว่น (Windows  7) ได้เพิ่มขึ้นราว 50 ล้านไลเซนส์ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จไมโครซอฟท์สามารถจำหน่ายได้ 400 ล้านไลเซนส์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนต.ค.ปี 2009  แม้ยอดจำหน่ายของไมโครซอฟท์ในไตรมาสนี้จะเติบโตไม่หวือหวา  แต่ต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าคาดการณ์เนื่องจากทิศทางการเติบโตของ ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีโลกนั้นชะลอตัว  เพราะการถูกแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนชิงตลาดบางส่วนไป โดยบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์  (Gartner) คาดว่าตลาดพีซีจะเติบโตเพียง 2.3% ในไตรมาส 2 ของปี 54 เท่านั้น  น้อยกว่า 6.7% ซึ่งเคยทำได้ในปีก่อนหน้า   อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ผ่านมาถือเป็นไตรมาส 4 ของไมโครซอฟท์  ทำให้ไมโครซอฟท์สามารถประกาศว่าปี 2011  เป็นปีที่ดีที่สุดของไมโครซอฟท์ที่สามารถทำยอดขายทะลุ 7  หมื่นล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นครั้งแรก คาดว่าไมโครซอฟท์จะสามารถทำกำไรต่อปี  2.2 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่ปีก่อนหน้านี้ทำได้ 1.8 หมื่นล้านเหรียญ  Company Related Link : Cisco
  อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ผ่านมาถือเป็นไตรมาส 4 ของไมโครซอฟท์  ทำให้ไมโครซอฟท์สามารถประกาศว่าปี 2011  เป็นปีที่ดีที่สุดของไมโครซอฟท์ที่สามารถทำยอดขายทะลุ 7  หมื่นล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นครั้งแรก คาดว่าไมโครซอฟท์จะสามารถทำกำไรต่อปี  2.2 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่ปีก่อนหน้านี้ทำได้ 1.8 หมื่นล้านเหรียญ  Company Related Link : Cisco




