ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ Google Maps ในเยอรมนีต่างพากันงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อแอปนำทางยอดฮิตนี้แจ้งว่า “ถนนปิด” แทบทุกเส้นทางทั่วประเทศ ทั้งที่ในความจริงไม่มีการปิดถนนใด ๆ เกิดขึ้นเลย ทำให้ผู้ขับขี่จำนวนมากได้รับผลกระทบ ทั้งเลี้ยวผิดทาง อ้อมไกล เสียเวลา และเกิดความสับสนอย่างมากในระบบขนส่ง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้ใช้หลายพันรายรายงานผ่านโซเชียลว่า Google Maps แจ้งถนนปิดทั้งในเมืองใหญ่อย่าง Berlin, Munich, Hamburg และเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศ แม้แต่ถนนสายหลักและทางด่วนก็ถูกแจ้งว่าใช้งานไม่ได้ ทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน หรือหันไปพึ่งแอปนำทางอื่นอย่าง Apple Maps หรือ Waze แทน
Google ออกมาชี้แจงในเวลาต่อมาว่า สาเหตุเกิดจากข้อมูลผิดพลาดที่ระบบประมวลผลรับมาจาก third-party provider ที่ให้ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจเกิดจากการรายงานผิดหรือการ sync ข้อมูลที่ผิดพลาดไปสู่ระบบหลักของ Google Maps โดยใช้เวลาไม่นานในการแก้ไขและระบบก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติในไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็จุดกระแสการตั้งคำถามถึง “ความน่าเชื่อถือ” ของระบบนำทางอัจฉริยะในปัจจุบัน เพราะผู้คนทั่วโลกต่างพึ่งพา Google Maps ทั้งในการเดินทางส่วนตัว การขนส่งสินค้า และระบบโลจิสติกส์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วอย่างเยอรมนีที่โครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจรและการขนส่งมีความซับซ้อนสูง
บางรายงานยังเผยว่ามีธุรกิจขนส่งบางเจ้าต้องเลื่อนเวลาส่งสินค้า หรือเสียต้นทุนจากการวิ่งอ้อม เพราะข้อมูลผิด ๆ นี้ด้วย แม้เหตุการณ์จะจบลงอย่างรวดเร็วแต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน แต่ถ้าข้อมูลไม่แม่นยำ หรือไม่มีการตรวจสอบที่ดีพอ ก็อาจสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างได้ทันที
สุดท้าย Google ได้กล่าวขอโทษและให้คำมั่นว่าจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาล่วงหน้าให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
ใครที่ใช้งาน Google Maps อยู่บ่อย ๆ อาจต้องเริ่มหาทางสำรอง หรือเช็กเส้นทางซ้ำก่อนเดินทาง เพราะแม้แต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีก็ยังพลาดได้!