ในขณะที่กล้องดิจิตอลทั่วไปจะใช้การรวบรวมข้อมูลแสงเข้าไปเก็บในองค์ ประกอบของภาพที่เป็นพิกเซล Lytro จะเก็บข้อมูลทังหมดแยกกัน โดยเซ็นเซอร์จะบันทึกสี ความเข้ม และทิศทางรังสีของแสง ก่อนที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาสร้างขึ้นเป็นภาพใหม่ภายหลัง ด้วยเทคโนโลยีนี้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องโฟกัสเวลาถ่านยภาพ เนื่องจากเราสามารถโฟกัสส่วนใดๆ ของภาพในภายหลังได้ และผลจากการที่มันไม่ต้องมีกระบวนการในระหว่างบันทึกแต่ละภาพ ทำให้ไม่ต้องเจอกับปัญหาความล่าช้าของชัตเตอร์ (Shutter Lag) อีกทั้งยังสามารถเปิดกล้องให้พร้อมถ่ายภาพที่ต้องการได้ภายในไม่ถึงวินาที ด้วยซ้ำ…ว้าว!!! กพาสะดวก (ดูเผินๆ คล้ายลิปสติกของสาวๆ แต่ใหญ่กว่า) ตัวกล้องจะยาว 4.4 นิ้ว หนักแค่ 227 กรัม ด้านหน้าเป็นเลนส์ ส่วนด้านตรงข้ามจะเป็นจอสัมผัส LCD ขนาด 1.46 นิ้ว ผู้ใช้สามารถกำหนดกรอบ (frame) ของภาพที่ต้องการถ่ายได้ หรือใช้วิวภาพที่ถ่ายก่อนหน้านี้ได้ด้วย ตัวกล้องจะมาพร้อมกับสวิตช์เลื่อน (slider) สำหรับซูม และมีปุ่มทำงานแค่ 2 ปุ่มเท่านั้นคือ ปุ่มเปิด/ปิด กับชัตเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมันค่อนข้างยากที่จะเปรียบเทียบเทคนิคของ Lytro กับกล้องดิจิตอลทั่วไป เนื่องจากมันไม่ได้วัดความละเอียดเป็นพิกเซล แต่ใช้หน่วยการบันทึกภาพแบบใหม่เป็น 11 mega-rays ส่วนเลนส์ที่ใช้จะมีรูรับแสง f/2 และสามารถซูมได้ 8 เท่า แต่ไม่ได้ระบุทางยาวโฟกัส (focal length) Lytro เปิดให้จองแล้ววันนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 399 เหรียญฯ หรือประมาณ 12,000 บาท ความจุของสตอเรจ 8GB มีให้เลือก 2 สีคือ น้ำเงิน หรือเทา สามารถบันทึกภาพได้ 350 ภาพ ส่วนเวอร์ชัน 16GB ราคา 499 เหรียญฯ (ประมาณ 15,000 บาท) จะมีสีแดง สามารถบันทึกภาพได้ 700 ภาพ โดยตัวกล้องจะส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงต้นปี 2012 สำหรับภาพที่ถ่ายเสร็จจะโหลดผ่านทางพอร์ต USB ข้อมูลจาก: Lytro
Must Read
