ถ้าใครกำลังรอของใหม่จาก Meta ปีนี้…มีสัญญาณแรง ๆ มาแล้วจ้า! มีวิดีโปรโมชัน “Meta Ray-Ban Display” โผล่บนช่อง YouTube ของ Meta (แบบไม่ตั้งใจ) แล้วถูกลบอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่หลุดก็ทำให้เราเห็นทิศทางชัด ๆ ว่าแว่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ของค่ายนี้กำลังจะ “มีจอ” แบบหัวขึ้นแสดงผล (HUD) จริง ๆ และคาดว่าจะเปิดตัวในงาน Meta Connect วันที่ 17–18 กันยายน 2025 ที่จะถึงนี้เลย
จากคลิปที่หลุด แว่นยังคงหน้าตาเป็น Ray-Ban ตามสไตล์ร่วมมือกับ EssilorLuxottica แต่เพิ่ม “จอเล็ก” ฉายข้อมูลให้ตาขวาเพียงข้างเดียว (monocular HUD) เอาไว้โชว์คำตอบจาก Meta AI, นำทางเวลาเดินเท้า และตอบข้อความแบบไว ๆ ภาพในคลิปยังโชว์สายรัดข้อมือควบคุมแบบ sEMG (neural wristband) ที่ให้เรา “รูดนิ้วบนโต๊ะ” เป็นตัวอักษรได้—ไม่ต้องจิ้มจอมือถือให้ยุ่งยาก ถือว่าทิศทาง UX ดูพร้อมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอาย Ray-Ban แต่ขามีความหนาขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน (เพื่อใส่ชุดจอ/ระบบภายใน) ตรงนี้สื่อสายอุปกรณ์สังเกตเหมือนกัน และสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้าเรื่องความหนาของขาแว่นที่ทำให้ทีมแว่นต้องปรับจูนกันหนักพอควร—สรุปคือยอมหนาขึ้นแลกกับฟีเจอร์ HUD ที่ใช้งานได้จริงนั่นเอง
ที่น่าสนใจคือ คลิปเดียวกันยัง “โชว์ยกไลน์อัพ” ของแว่น Meta x EssilorLuxottica ทั้งชุด ได้แก่ Ray-Ban Meta รุ่นปกติ, Oakley Meta HSTN ที่เพิ่งออก, โมเดล Oakley Meta Sphaera ที่มีกล้องตรงกลาง และพระเอกของงานคือ “Ray-Ban Display” พร้อมสายรัดข้อมือ sEMG ตัวนี้—ชี้ชัดว่า Meta จะเดินเกม “หลายระดับ” ตั้งแต่แว่นสื่อสาร/ถ่ายคอนเทนต์ ไปจนถึงแว่น HUD สำหรับข้อมูลทันทีบนเลนส์
ต้องย้ำก่อนว่า “นี่ไม่ใช่ AR เต็มรูปแบบ” แบบใส่แล้วเห็นวัตถุ 3D ลอยอยู่รอบตัว แต่เป็น HUD แบบคงที่ฉายข้อมูลสั้น ๆ ทันใจ เหมาะกับแจ้งเตือน แผนที่ ข้อความ แปลภาษา หรือดูพรีวิวกล้อง—ซึ่งสำหรับการใช้จริงในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจต้องการเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แถมยังใส่ได้เนียน ๆ ในสังคมอีกต่างหาก
เรื่องราคา? กระแสข่าวที่เกาะติดจากฝั่งสื่อไอทีบอกว่า Meta พยายามลดเพดานจากหลักพันเหรียญลงมาให้อยู่แถว ๆ เริ่มต้นราว $800 เพื่อให้จับต้องง่ายขึ้น (เมื่อเทียบกับแว่น Ray-Ban Meta รุ่นปัจจุบันที่ไม่มีจอ เริ่มราว $299) ถ้าออกมาประมาณนี้จริง ตลาดจะแข่งขันคึกคักแน่ ๆ ซึ่งแหล่งข่าวเชิงอุตสาหกรรมและสื่อใหญ่ก็ขยี้ตัวเลขนี้มาต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝั่งสเปก/ฟีเจอร์จากคลิปหลุด (เท่าที่มองเห็นได้ชัดเจน):
-
จอ HUD ฉายให้ “ตาขวา” ข้างเดียว ใช้ดูข้อมูลสั้น ๆ แบบ glanceable เช่น แผนที่, การแจ้งเตือน, ตอบข้อความ, คำตอบ Meta AI, แปลภาษา ฯลฯ
- ควบคุมด้วย “neural wristband (sEMG)” ที่ตรวจสัญญาณกล้ามเนื้อข้อมือ—เลื่อนนิ้วบนพื้นผิวเพื่อพิมพ์หรือนำทางเมนูได้ โดยไม่ต้องยกมือถือขึ้นมาใช้งาน
- ดีไซน์ Ray-Ban แท้ ๆ สวมได้ในชีวิตประจำวัน แต่ขาแว่นหนาขึ้นเพื่อบรรจุฮาร์ดแวร์จอ/แบต/ชิปประมวลผล
บริบททางธุรกิจที่น่าจับตา: รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า Meta เพิ่งลงทุนใน EssilorLuxottica เจ้าของแบรนด์ Ray-Ban และ Oakley ประมาณ €3 พันล้าน คิดเป็นสัดส่วนราว 3% ซึ่งทำให้ฝั่งแว่นหรูเปิดทางความร่วมมือสินค้าที่ “มีจอ” ได้ง่ายขึ้น—และเราอาจได้เห็นการวางจำหน่ายในเครือร้านแว่นขนาดใหญ่ทั่วโลกถัดจากนี้ด้วย (ข้อดีคือเข้าถึงผู้ใช้ mass ได้ไวขึ้น)
ทำไมเรื่องนี้ถึงใหญ่? เพราะ Ray-Ban Meta รุ่นที่ไม่มีจอเพิ่งทำยอดขายแตะ “ล้านเครื่อง” ในปี 2024 ตามข้อมูลภายในของ Meta เอง นี่แปลว่าตลาดผู้ใช้จริงพร้อมแล้ว และถ้ารุ่น “มีจอ” ทำประสบการณ์ดี (น้ำหนักกำลังดี ใส่สบาย แบตอึด พิมพ์/สั่งงานได้ลื่น) ก็มีโอกาสขยายฐานผู้ใช้ไปอีกพอสมควรในปี 2025–2026
เมื่อมองภาพรวมของการแข่งขัน ปีนี้–ปีหน้าจะเดือดกว่าที่เคย: ฝั่ง Amazon ก็มีข่าวพัฒนาแว่น AR สำหรับผู้บริโภค (และเวอร์ชันงานส่งของ) ที่มีจอสีในเลนส์หนึ่งข้าง เพื่อโชว์เส้นทางและคำสั่งงาน—แปลว่าตลาด wearables กำลังเข้าสู่ “ศึกแว่นจอ” อย่างเป็นทางการแล้วล่ะ!
แล้วเราจะได้เห็นของจริงเมื่อไหร่? ปักหมุดได้เลย—งาน Meta Connect 2025 จัด 17–18 กันยายน 2025 (ตามสหรัฐฯ) โดยคีย์โน้ตหลักเริ่มวันพุธที่ 17 ก.ย. เวลา 5:00 PM PT ซึ่งตรงกับ “เช้าวันพฤหัสฯ 18 ก.ย. เวลา 07:00 น.” ตามเวลาไทย และยังมีกลุ่มเซสชันสำหรับนักพัฒนาในวันถัดไป เวลา 10:00 AM PT (ตรงกับ “เที่ยงคืน 19 ก.ย. เวลา 00:00 น.” ตามเวลาไทย) ถ้าแว่น “Ray-Ban Display” จะเปิดตัว ที่นี่แหละคือเวทีประกาศอย่างเป็นทางการแน่นอน
สรุปง่าย ๆ:
-
“Meta Ray-Ban Display” คือก้าวสำคัญจาก “แว่นถ่าย+สั่งเสียง” ไปสู่ “แว่นที่แสดงผลได้จริง”
-
กลยุทธ์เน้น “ใส่ได้ทุกวัน” ด้วยดีไซน์แฟชั่น + HUD ที่เน้นข้อมูลสั้น ๆ (ไม่ใช่ AR หนัก ๆ)
-
การควบคุมด้วยสายรัดข้อมือ sEMG ทำให้พิมพ์/ตอบสนองได้โดยไม่ต้องง้อจอมือถือ—นี่คือคีย์ UX ที่จะทำให้มัน “เวิร์กจริง”
-
ราคาเริ่มราว $800 (ถ้าออกมาตามข่าว) จะทำให้เกิดการเทียบชนกับคู่แข่งทันที และกดดันให้ ecosystem แอป/บริการบนแว่นเติบโตเร็วขึ้น
ท้ายสุด…ของจริงต้องรอฟังจากปาก Meta บนเวที Connect แต่จากข้อมูลที่หลุดออกมา ต้องบอกว่า “น่าลองมาก” สำหรับคนที่อยากได้ผู้ช่วยข้อมูลแบบ hands-free ทั้งเดินทาง ทำงานนอกออฟฟิศ ไปจนถึงครีเอเตอร์ที่อยากพรีวิว/สั่งงานไว ๆ โดยไม่ต้องงัดมือถือขึ้นมาตลอดเวลา อัปเดตกันอีกทีหลังคีย์โน้ตนะ!