ข่าวดีสำหรับสายดูหนัง! Netflix ประกาศรองรับการสตรีมคอนเทนต์ด้วย HDR10+ อย่างเป็นทางการแล้วนะ สำหรับใครที่มีอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานนี้ เตรียมสัมผัสกับประสบการณ์การรับชมที่คมชัด สีสันสมจริง และไดนามิกของแสงเงาที่เหนือกว่าที่เคย!
หลายคนอาจสงสัยว่า HDR10+ คืออะไร? มันคือเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพด้วย Dynamic Metadata ซึ่งจะปรับระดับความสว่างและความคมชัดของภาพแบบเฟรมต่อเฟรม ต่างจาก HDR10 ปกติที่ใช้ค่าคงที่ตลอดเรื่อง พูดง่าย ๆ ก็คือ ภาพจะสมจริงมากขึ้น ฉากมืดก็ดูชัด ไม่ดำสนิทจนมองไม่เห็นอะไร ส่วนฉากสว่างก็จะไม่แสบตาเกินไป
Netflix เผยว่าฟีเจอร์ HDR10+ นี้จะใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น เช่น ทีวี Samsung รุ่นใหม่ ๆ, Fire TV Stick, Google Chromecast รุ่นที่รองรับ HDR10+ รวมถึงสมาร์ทโฟนบางรุ่นอย่าง Samsung Galaxy และ Xiaomi รุ่นท็อป ๆ ด้วย
คอนเทนต์ที่จะรองรับ HDR10+ ในช่วงแรกจะยังมีไม่ครบทุกเรื่อง แต่ Netflix ยืนยันว่าจะค่อย ๆ ขยายให้รองรับมากขึ้นในอนาคต ตอนนี้เริ่มจากคอนเทนต์ Original ของตัวเองก่อน เช่น “The Witcher”, “Stranger Things”, “Extraction 2” และหนังใหม่ ๆ ที่จะปล่อยในปีนี้
การอัปเกรดนี้ถือว่าเป็นการตอบสนองต่อผู้ชมที่ต้องการประสบการณ์รับชมระดับพรีเมียม โดยเฉพาะคนที่มีทีวีหรือเครื่องเล่นที่รองรับอยู่แล้ว จากเดิมที่ Netflix รองรับ Dolby Vision เป็นหลัก ตอนนี้ก็มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามอุปกรณ์ของตัวเอง
แม้ว่า HDR10+ จะยังไม่แพร่หลายเท่ากับ Dolby Vision แต่ถือว่าเป็นคู่แข่งที่มาแรง เพราะเปิดให้ผู้ผลิตใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ จึงมีหลายแบรนด์ที่เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Panasonic, Hisense และ Amazon Prime Video ก็รองรับมานานแล้ว
ในแง่ของผู้ใช้งาน ถ้ามีอุปกรณ์ที่รองรับ HDR10+ อยู่แล้ว ก็แนะนำให้ลองเช็กดูว่า Netflix อัปเดตแอปให้รองรับเวอร์ชันใหม่หรือยัง จากนั้นลองเปิดคอนเทนต์ที่มีไอคอน HDR ขึ้นตรงชื่อเรื่อง ถ้ามีคำว่า HDR10+ แสดงว่าคุณกำลังจะได้สัมผัสกับคุณภาพภาพระดับท็อปแน่นอน
สุดท้ายนี้ การมาของ HDR10+ บน Netflix ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่มันคือการยกระดับประสบการณ์ของผู้ชมให้ใกล้เคียงกับโรงภาพยนตร์มากขึ้น และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการดูหนังบนจอใหญ่แบบเต็มอรรถรส นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่คุณไม่ควรพลาด!