Wednesday, July 2, 2025
28.5 C
Bangkok

ป้อมปราการมหากำแพง: ทำไม iPad ถึงยังไม่ “โต” เป็น Mac เสียที

ถ้าเพื่อน ๆ ตามข่าว WWDC 2025 คงได้ยินประโยคฮิตที่ Engadget พูดไว้ว่า “กำแพงล้อมรั้วของ Apple คืออุปสรรคใหญ่สุดที่ทำให้ iPad ยังไปไม่ถึงความเป็น Mac” ถึงวันนี้ iPad มีชิปตระกูล M พลังแรงเท่า MacBook Air, ต่อจอแยกได้, ใช้คีย์บอร์ดเมาส์เหมือนโน้ตบุ๊ก แต่ฟีลลิง “คอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบ” ก็ยังขาด ๆ เกิน ๆ เพราะดันติดประตูรั้วดิจิทัลที่ Apple สร้างไว้เอง

กำแพงที่เรียกว่า Walled Garden คืออะไร
Apple ภูมิใจเสมอกับ “ecosystem” ที่ทุกอย่างเชื่อมกันลื่น — iPhone จับคู่ AirPods ปุ๊บเพลงก็สลับ, iMessage เด้งทุกอุปกรณ์, AirDrop ส่งไฟล์ได้โคตรไว — แต่ระบบนี้ก็เหมือนบ้านปิดรั้วสูง ใครอยากเข้ามาต้องผ่านประตูที่ Apple ตั้งกฎไว้หมด ผลลัพธ์คือความปลอดภัยเยี่ยม แต่นักพัฒนากับสายโปรต้องอยู่ในกรอบ ติดตั้งแอปนอก App Store ไม่ได้ (ยกเว้น EU บางกรณี), จะเชื่อมฮาร์ดแวร์พิเศษก็ต้องรออนุญาต

ฮาร์ดแวร์ iPad แรงไม่แพ้ Mac แต่ซอฟต์แวร์ยังหน่วง
ตั้งแต่ iPad Pro ได้ชิป M2/M3 ขุมพลัง CPU-GPU เท่า MacBook Air 15″ เร็วขนาดตัดต่อ ProRes หรือเรนเดอร์ 3D ก็ไหว แต่งานมืออาชีพยังต้องโยกกลับไป Mac เพราะ

  • Final Cut Pro, Logic Pro บน iPad ยังเป็นเวอร์ชัน “lite” จำกัด extension/plug-in

  • ไม่มี Xcode เต็ม ๆ ทำให้นักพัฒนาเขียนแอปบน iPad ได้ไม่สุด

  • แรมแชร์กับระบบ iPadOS จำกัด (แม้มี 16 GB) แอปแบ็กกราวด์ใหญ่ ๆ โดนล้างง่าย

iPadOS 26 พยายามลบเส้นแบ่ง แต่นี่ยังไม่พอ
ปีนี้ Apple อัปเดต Stage Manager 2.0 ให้ปรับขนาดวินโดว์ได้อิสระ, Mission Control เลียนแบบ macOS, รองรับ “Desktop Profile” ปลดล็อกการลากไฟล์ข้ามวินโดว์เหมือน Finder, และเพิ่มแอป Preview ตัวเต็มเข้ามาบน iPadOS 26 แต่นักพัฒนายังบ่นว่าไม่ได้ root access, ไม่มี shell/Terminal, จะรัน Docker หรือ VM ก็ทำไม่ได้

ข้อจำกัดด้านแอปคือหัวใจของปัญหา

ทุกอย่างวนมาที่ App Store:

  • ต้องใช้ระบบ IAP ของ Apple เสมอ คิดค่าธรรมเนียม 15-30%

  • แอปต้องผ่านการรีวิว ทำให้อัปเดตด่วน/ปลั๊กอินเฉพาะทางติดขัด

  • ไม่มี “โปรแกรมติดตั้ง” แบบ .dmg/.pkg ให้ลงไดร์เวอร์เฉพาะเครื่องจักร, สแกนเนอร์อุตสาหกรรม หรือภาษาโปรแกรมแปลก ๆ

ช่องว่างที่ EU Digital Markets Act (DMA) แง้มไว้

ตั้งแต่ต้นปี Apple ยอมให้ iOS/iPadOS ในสหภาพยุโรปโหลดแอปจาก “Alternative App Marketplaces” หรือดาวน์โหลดตรงจากเว็บนักพัฒนาได้ พร้อมเปิด NFC, เบราว์เซอร์เอ็นจินอื่น และอนุญาตให้เลือกแอปเริ่มต้นประเภทต่าง ๆ ได้เอง อย่างไรก็ตาม มาตรการยังจำกัดพื้นที่ EU เท่านั้น และ Apple ก็ซ้อนล็อกด้วยระบบ Notarization ตรวจโค้ดก่อนติดตั้งอยู่ดี

นักสร้างคอนเทนต์ยังเจอขีดจำกัดไฟล์และ IO

แม้ Files app จะรองรับ external SSD แต่ยังมองเห็นเป็น “โฟลเดอร์ sandbox” แทนที่จะให้ mounting disk ตรงเหมือน Finder; โปรแกรม 3D บางตัวจึงเรียกไฟล์ texture จากไดรฟ์ไม่ได้โดยตรง ต้องก็อปเข้าตัวเครื่องก่อน—เสียเวลาและเปลืองที่เก็บข้อมูล

สิ่งที่ iPad ต้องมีเพื่อไล่ทัน Mac จริง ๆ

  1. Terminal + Shell — อย่างน้อยให้ใช้ Bash/Zsh เพื่อจัดการไฟล์, Git หรือสั่งงาน CLI ได้

  2. Virtualization Framework — รัน Linux/Windows ARM ใน VM เพื่อพัฒนาและทดสอบซอฟต์แวร์ข้ามแพลตฟอร์ม

  3. Xcode เต็มรูปแบบ — คอมไพล์ทุก target (iOS, tvOS, visionOS, macOS) ไม่ใช่แค่ Swift Playgrounds

  4. ระบบสิทธิ์แอปลดหย่อน — ให้แอปโปรเข้าถึงพอร์ต USB-C, Thunderbolt, GPU Compute ได้ลึกเหมือน on-device driver

ทางลัดชั่วคราวของผู้ใช้มืออาชีพ

  • ใช้ Sidecar หรือ Universal Control เสียบ iPad เป็นจอที่สองของ Mac เพื่อใช้ Apple Pencil แก้ Photoshop บน macOS

  • ต่อ Remote Desktop ไปเครื่อง Windows/Linux แรง ๆ บนคลาวด์แล้วสตรีมภาพมาทำงาน

  • ใช้แอป DevCloud ต่าง ๆ (GitHub Codespaces, Warp) ที่ประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์แต่โชว์ผลบน iPad

สรุป
ในเชิงฮาร์ดแวร์ iPad Pro เก่งพอจะสู้ MacBook อยู่แล้ว แต่ “กำแพงสวน” ของ Apple ยังขีดเส้นให้มันเป็นแค่แท็บเล็ตพรีเมียม ไม่ใช่คอมพิวเตอร์สารพัดประโยชน์ที่ผู้ใช้คุมเองได้เต็ม ๆ ถ้า Apple เปิดช่องอีกนิด—ลดข้อจำกัด App Store, ปล่อยเครื่องมือพัฒนาเต็มตัว, ให้สิทธิ์ root/virtualization—วันที่ “iPad เป็น Mac” คงไม่ไกลเกินเอื้อม ส่วนตอนนี้เราต้องอยู่กับบ้านที่ประตูกำแพงสูง แล้วหวังว่าในอนาคต Apple จะหากุญแจใหม่มาไขให้ผู้ใช้ออกไปวิ่งเล่นลานกว้างได้สะดวกกว่าเดิม

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

This field is required.

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

Hot this 48 hr.

เมื่อ OpenAI มอง “ความสัมพันธ์มนุษย์-AI” สูงส่งเกินจริง แต่ผู้คนอินกับแชทบอทไปไกลแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ AI ไม่ได้เป็นเรื่องอนาคตอีกต่อไป—มันเกิดขึ้นตรงหน้า OpenAI เพิ่งโพสต์บล็อกโดย Joanne Jang ชี้แจงว่าบริษัทกำลังออกแบบโมเดลให้ “ดูอบอุ่นแต่ไม่แกล้งทำเป็นมีจิตวิญญาณ”...

ฟีเจอร์ “Scheduled Actions” ใน Gemini: จัดคิวงานให้เอไอทำแทนแบบไม่ต้องคอยสั่งเอง

Gemini (ผู้ช่วย AI ของ Google) เพิ่งปล่อยฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Scheduled Actions ให้เรา...

หัวเว่ยรับชิพยังช้ากว่าอเมริกา 1 เจน แต่มีไม้เด็ดสู้ด้วยคณิตฯ-คลัสเตอร์!

คำให้สัมภาษณ์ของ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei ซึ่งยอมรับตรงๆ ว่าชิพ AI/เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท “ยังตามหลังสหรัฐอยู่หนึ่งเจเนอเรชัน”...

iPadOS 26: แท็บเล็ตสาย Mac ที่แท้ทรู — หน้าตาใหม่ Liquid Glass + หน้าต่างยืดหดได้เหมือนคอม

เปิดตัวในงาน WWDC 2025 iPadOS 26 คือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่ทำให้ iPad เข้าใกล้ประสบการณ์บน Mac...

โทรออกจากแมคได้จริง — Phone App บน macOS 26 ก้าวเล็ก ๆ ที่พา Mac เข้าใกล้ “โน้ตบุ๊กใส่ซิม”

ถ้าใครได้ดูงาน WWDC 2025 คงสะดุดตาว่า Apple ไม่ได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่派อะไรโฉบเฉี่ยว แต่กลับสร้างเสียงฮือฮาด้วย “Liquid Glass”...

Topics

OpenAI เปิดตัวโมเดล o3-pro ใน ChatGPT: แรงขึ้น ฉลาดขึ้น และใกล้มนุษย์มากกว่าเดิม!

OpenAI ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุดในตระกูล GPT อย่าง “o3-pro” สำหรับ ChatGPT โดยเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใครที่เป็นแฟนคลับสาย...

ฟีเจอร์ “Scheduled Actions” ใน Gemini: จัดคิวงานให้เอไอทำแทนแบบไม่ต้องคอยสั่งเอง

Gemini (ผู้ช่วย AI ของ Google) เพิ่งปล่อยฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Scheduled Actions ให้เรา...

เมื่อ OpenAI มอง “ความสัมพันธ์มนุษย์-AI” สูงส่งเกินจริง แต่ผู้คนอินกับแชทบอทไปไกลแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับ AI ไม่ได้เป็นเรื่องอนาคตอีกต่อไป—มันเกิดขึ้นตรงหน้า OpenAI เพิ่งโพสต์บล็อกโดย Joanne Jang ชี้แจงว่าบริษัทกำลังออกแบบโมเดลให้ “ดูอบอุ่นแต่ไม่แกล้งทำเป็นมีจิตวิญญาณ”...

Liquid Glass ดีไซน์ใหม่สุดล้ำของ Apple – การพลิกโฉมหน้าตาอุปกรณ์ครั้งใหญ่ในรอบหลายปี

ในงาน WWDC 2025 Apple เปิดตัว “Liquid Glass” ภาษาดีไซน์ใหม่ที่ลากเส้นบาง ๆ...

Related Articles

Popular Categories

spot_img